ต่างชาติเทขายหุ้นไทยเฉียด 7 หมื่นล้าน โบรกฯ ชี้ต้องแก้เชิงโครงสร้าง บจ.ไทย มีแต่อุตสาหกรรมโลกเก่า!

นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2567 แล้วกว่า 68,749.64 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 4 เม.ย. 67) ขณะที่หลายหน่วยงานคาดเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะโตต่ำแค่ 2.7-2.8% นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ชี้ AOT-ADVANC โดนแรงขายหนักสุด โดยมองว่าต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งด้านตลาดหุ้น และด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออก

วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า  สาเหตุหลักที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างต่ำในช่วงปี 2566 เดิมทีธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้มากถึง 3.4% และหากรวม Digital Wallet จะขยายตัวมากถึง 3.8%

อย่างไรก็ตาม พอเข้าสู่ปี 2567 เริ่มเห็นการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลง นำมาโดยสภาพัฒน์ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวเฉลี่ยเพียง 2.8% ซึ่งหลังจากนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยก็ปรับลดจาก 3.4% ลงมาเหลือเพียง 2.7-2.8% โดยให้เหตุผลว่าภาคส่งออกและการผลิตแย่กว่าคาดเพราะอุปสงค์โลกและจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ไว้ รวมไปถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กระทบกับการส่งออก

ประกอบกับอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นไทยเป็นกลุ่มโลกเก่า (Old Economy) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้เป็นที่ต้องการของโลกปัจจุบัน และไม่มีการเติบโตที่ชัดเจนในอนาคต ความต้องการของโลกยุคใหม่คือกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งไทยไม่ได้มีมากนัก

ทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติในช่วงหลังจากนี้อาจพอคาดหวังได้บ้างเพราะ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ย หนุนเม็ดเงินจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วไหลมายังประเทศเกิดใหม่ อย่างไรก็ตามไม่ได้คาดหวังว่าจะไหลเข้ามาหุ้นไทยเยอะ เพราะด้วยปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งตลาดหุ้นและอุตสาหกรรมส่งออกประกอบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังต่ำ 

สำหรับหุ้นกลุ่มที่ถูกขายมากสุดในช่วงตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ได้แก่ AOT, ADVANC, PTTEP, KBANK, BBL, DELTA, ส่วนหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุนต่างชาติให้น้ำหนักกับกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ CPALL และกลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ CENTEL, MINT

ทั้งนี้ มองว่าจุดเปลี่ยนที่นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาพิจารณาหุ้นไทยมากขึ้นคือการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทั้งตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออก

นอกจากนี้ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำกลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTTEP กลุ่มปิโตรเคมี ได้แก่ IVL, PTTGC, SCC ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) กลับมาขยายตัว ประกอบกับยอดค้าปลีก และผลผลิตอุตสาหกรรมก็เห็นการขยายตัวต่อเนื่อง.

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney