บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) ประกาศเพิ่มทุนเข้าลงทุนในทรัพย์สินระดับพรีเมี่ยมของกลุ่ม WHA Group มูลค่าไม่เกิน 3,566.49 ล้านบาท ดันมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 55,000 ล้านบาท ชูอัตราจ่ายประโยชน์ตอบแทนกว่า 8.23%
อนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) เปิดเผยว่า กองทรัสต์ WHART ประกาศเดินหน้าเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 195.90 ล้านหน่วย เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในปี 2566 มูลค่าไม่เกิน 3,566.49 ล้านบาท ทั้งนี้ภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 55,000 ล้านบาท ถือเป็นกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมมากที่สุดในประเทศ โดยมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.89 ล้านตารางเมตร พื้นที่เช่าหลังคา 487,243.29 ตารางเมตร
การเพิ่มทุนครั้งนี้ เป็นการลงทุนในอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และอาคารโรงงาน ที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) และแบบสำเร็จรูป (General Warehouse) สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHART จะเข้าลงทุนในครั้งนี้ จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 เป็นคลังสินค้า รูปแบบ Built-to-Suit และ General Warehouse พื้นที่เช่า 90,862 ตารางเมตร 2. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง โปรเจกต์ 1 เป็นคลังสินค้า รูปแบบ General Warehouse พื้นที่เช่า 24,310 ตารางเมตร และโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจก์ 3 เป็นคลังสินค้า และโรงงานแบบ General Warehouse พื้นที่เช่า 27,724 ตารางเมตร
ความโดดเด่นการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ได้แก่ตัวของทรัพย์สินเอง ซึ่งทั้ง 3 โครงการที่เข้าลงทุน ถือเป็นโครงการที่มีคุณภาพ ตั้งอยู่ในทำเลโลจิสติกส์ที่สำคัญ อย่างบางนา-ตราดและ EEC อีกทั้งยังมีกลุ่มผู้เช่าที่มาจากกลุ่มธุรกิจที่มีความมั่นคงอย่างกลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (Third Party Logistics) และกลุ่มผู้ผลิต (Manufacturer)
ซึ่งการได้ผู้เช่าที่ดีในกลุ่มอุตสาหกรรม ส่งผลให้กองทรัสต์ WHART มีการรับรู้รายได้จากการลงทุนที่มั่นคง และสร้างประโยชน์ตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์
ทั้งนี้ การที่กองทรัสต์ WHART มีการขยายขนาดกองทรัสต์จากการลงทุนเพิ่มเติมในทุกปี ปีละประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท ส่งผลให้กองทรัสต์ฯ มีความมั่นคงทางรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยังกระจายความเสี่ยง ไม่ว่าจะในด้านของทำเลทรัพย์สินที่ลงทุน สัญชาติของผู้เช่า รวมถึงความหลากหลายของกลุ่มธุรกิจของผู้เช่า (Business Sector) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยทำให้ภาพรวมผลประกอบการของกองทรัสต์ WHART อยู่ในระดับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง
ด้าน จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น WHA เปิดเผยในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ว่า สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน จากการกำหนดราคาเสนอขายหน่วยลงทุน ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ได้ใช้ราคาอ้างอิงตามราคาตลาดในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไป แต่ปัจจุบันราคาปรับตัวขึ้นมาแล้ว จึงทำให้มีราคาเสนอขายและผลตอบแทนการลงทุนที่น่าสนใจ และโดยปกติกองทรัสต์ WHART มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอราว 0.70 บาท
ที่ผ่านมากองทรัสต์ WHART มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีทรัพย์สินภายใต้บริหารจัดการกว่า 1.74 ล้านตารางเมตร สอดคล้องกับนโยบายของ WHA Group ที่ยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลัก ในการนำทรัพย์สินคุณภาพระดับพรีเมี่ยมเข้ากองทรัสต์ WHART ทุกปีต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิตมายังประเทศไทย ส่งผลให้ความต้องการใช้ที่ดินอุตสาหกรรมของนักลงทุนชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องนโยบายภาครัฐบาลที่ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการลงทุนจากทั่วโลก โดยกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมแรกๆ ที่เพิ่มมูลค่าการลงทุนให้กับประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกเหนือจากการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ครบวงจรชั้นนำของโลก
สาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า สถานการณ์ลงทุนปัจจุบันถือว่าเป็นจังหวะและโอกาสในการลงทุนในกองทรัสต์ (REIT) เนื่องจาก ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในกอง REIT โดยทางธนาคารมีความเห็นว่าสินทรัพย์ประเภทกอง REIT เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่แนะนำลงทุน ด้วยคุณสมบัติสินทรัพย์ที่มีโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคงจากรายได้ค่าเช่า และมีความต่อเนื่องและเติบโตของทรัพย์สินในระยะยาว
ด้าน จิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า กองทรัสต์ WHART เป็นกองทรัสต์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท และยังเป็นผู้นำกองทรัสต์ในกลุ่มคลังสินค้าและอุตสาหกรรม มีศักยภาพในการเติบโตด้วยทรัพย์สินที่แข็งแกร่ง สามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ก่อตั้งกองทรัสต์ มีเครดิตเรตติ้งที่ดี และที่สำคัญคือมี WHA Group เป็นเจ้าของทรัพย์สินและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการันตีถึงคุณภาพของทรัพย์สินได้เป็นอย่างดี
ภายหลังจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมในครั้งนี้ กองทรัสต์ WHART ได้ประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เท่ากับ 0.79 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนประมาณร้อยละ 8.23* (ขึ้นอยู่กับราคาเสนอขายสุดท้าย)
สำหรับการเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ครั้งนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมมีสิทธิสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 1, 4 และระหว่างวันที่ 6 ถึง 8 ธ.ค. 2566 ที่ราคาสูงสุดที่ 9.60 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาสูงสุดจะทำการคืนเงินส่วนต่างราคาให้กับผู้จองซื้อ โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อได้ผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) และสาขาของ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อในวันที่ 13 ถึง 15 และวันที่ 18 ธ.ค. 2566 โดยจะทำการชำระเงินจองซื้อที่ราคาสุดท้าย โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อได้ผ่าน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)