ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ก.ค.66 ปิดที่ 1,515.31 จุด บวก 8.47 จุด มีมูลค่า 44,294.35 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 303.98 ล้านบาท
หุ้นไทยปิดบวกได้ Sentiment เชิงบวกจากความคืบหน้าการเมืองในประเทศ โดยมีมติเอกฉันท์ให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ ส.ส.พรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2
บล.ทิสโก้ ส่องงบไตรมาส 2 หุ้นกลุ่มธนาคาร คาดว่าธนาคารภายใต้การวิเคราะห์ของทิสโก้ จะรายงานผลประกอบการ 2Q23F รวม 5.48 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY จากรายได้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ลดลงเล็กน้อย 4% QoQ เนื่องจาก FVTPL ที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่อ่อนแอลง
โดยคาดว่า NIM จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนผลประกอบการหลังลดลง QoQ ในไตรมาสที่แล้ว (จากการปรับของ EIR) โดยคาด NIM จะขยายตัวเป็น 3.23% ผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสองครั้ง (29 มี.ค. และ 31 พ.ค.) ที่ผ่านมา ด้านรายได้จากดอกเบี้ยคาดจะขยายตัวเพียง 3% QoQ เนื่องจากคาดสินเชื่อโตลดลงเป็น 0.6% จาก 1% ในไตรมาสก่อน
Credit cost ทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมาตรการของ ธปท.สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้ NPL น่าจะปรับตัวขึ้นส่งผลให้อัตราส่วน NPL อาจเพิ่มขึ้นเป็น 3.73% จากสินเชื่อเดิมที่อ่อนแอ แต่ธนาคารอาจมีการตั้งสำรองสินเชื่อกลุ่มนี้ไว้เพียงพอแล้ว ด้าน Credit cost คาดทรงตัวที่ 1.45% ทั้งนี้ Credit cost ของ KBANK น่าจะเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองกรณีของ STARK
จากแนวโน้มของดอกเบี้ยที่คาดว่าจะยังปรับตัวขึ้นน่าจะช่วยหนุนผลประกอบการของกลุ่มธนาคารต่อไป โดยทิสโก้ยังคงเลือก SCB (เป้าพื้นฐาน 130 บาท) และ BBL (173 บาท) เป็นหุ้นแนะนำของกลุ่มธนาคาร!!
ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยแอบมีสัญญาณดูดีขึ้นดังนี้ ช่วง 4 วันทำการนี้หุ้นไทยฟื้นขึ้นกว่า 48 จุด มาอยู่ที่ 1,515.31 จุด ในเชิงเทคนิคดูดีขึ้น ขณะที่ Fund Flow เริ่มมีการไหลกลับมาในตลาดหุ้นเอเชียใต้ รวมถึงตลาดหุ้นไทยบ้าง โดยช่วง 4 วันที่ผ่านมาและเป็นการซื้อที่โดดเด่นสุดในภูมิภาค ขณะที่ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียเหนือเริ่มเห็นการสลับมาขายสุทธิบ้างหลังซื้อติดต่อกันมานาน
ด้านค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าแรงสุดในภูมิภาค โดยช่วง 28 มิ.ย.-3 ก.ค.66 ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่า ทำให้เชื่อว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง!!
อินเด็กซ์ 51