นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงการซื้อ-ขายหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อจัดทำเป็นรายงานเสนอต่อนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้รายงานการได้มาของหุ้นบางจากมาตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชี้แจงกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากนายจำเริญ และ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลัง ที่เข้าไปเป็นกรรมการของบางจากได้ซื้อขายหุ้นบางจาก ซึ่งหุ้นดังกล่าวเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการหรือพนักงาน ทำให้ข้าราชการกระทรวงการคลังวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง และมองว่าไม่ควรทำ เพราะมีข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงคลัง เพื่อป้องกันการขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ.2553 เป็นแนวทางปฏิบัติอยู่ ส่งผลให้ปลัดกระทรวงการคลังสั่งการให้ทั้ง 2 ราย ทำหนังสือชี้แจง
สำหรับข้อบังคับข้อ 9 กรณีผู้บริหารกระทรวงการคลัง ได้รับมอบหมายจากกระทรวงไปเป็นกรรมการหรือผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลจากรัฐวิสาหกิจ หรือนิติบุคคลนั้น ให้สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ในฐานะเป็นกรรมการหรือผู้แทนของกระทรวง ให้ผู้บริหารผู้นั้นแจ้งรายละเอียดของหลักทรัพย์ดังกล่าวต่อกระทรวงภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล หากกระทรวงการคลังเห็นว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์ หรือนโยบายลงทุนของรัฐบาล หรือกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหารกระทรวงโอนสิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวแก่กระทรวง เพื่อดำเนินการต่อ แต่หากเห็นว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวไม่สอดคล้อง ผู้บริหารรายนั้นสามารถใช้สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์นั้น โดยให้รายงานการได้หลักทรัพย์ตามที่กำหนด
ส่วนข้อบังคับที่ 15 ผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ หากเข้าลักษณะการกระทำผิดวินัยให้ได้รับโทษทางวินัย แต่หากไม่เข้าลักษณะการกระทำผิดวินัยให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือ หรือสั่งให้ได้รับการพัฒนาตามที่เห็นสมควร นำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนขั้นเงินเดือน หรือนำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้งการเป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือนิติบุคคล.