BANPU โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 10,264 ล้านบาท โต 568.63%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

BANPU โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 10,264 ล้านบาท โต 568.63%

Date Time: 11 พ.ค. 2565 17:30 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • บ้านปู โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 10,264 ล้านบาท โต 568.63% รายได้จากการขายรวม 1,256 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 41,509 ล้านบาท

Latest


บ้านปู โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 10,264 ล้านบาท โต 568.63% รายได้จากการขายรวม 1,256 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 41,509 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 65 นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 1,256 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 41,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 520 ล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 19,247 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64

โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย หรือ EBITDA รวม 596 ล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 19,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จากปีก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,264.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 568.63%

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 1/65 บ้านปูสามารถสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งจากภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโลกและความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูง โดยมีกระแสเงินสดที่เติบโตจากทั้งจากธุรกิจที่มีอยู่และจากธุรกิจที่เข้าไปลงทุนเพิ่มใหม่ ๆ บ้านปูยังคงมุ่งเดินหน้าสร้างการเติบโตไปพร้อมกับเทรนด์พลังงานโลกอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยกระจายความเสี่ยง

รวมถึงการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ (Antifragile) จากปัจจุบันที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงาน ภาวะความไม่สงบทางการเมืองในยุโรป อัตราดอกเบี้ยและราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างมาก สถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของกลุ่มบ้านปูในการรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งบ้านปูยังหาโอกาสสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังที่เห็นจากความสำเร็จในการลงทุนที่เกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

"นอกจากการมุ่งสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เรายังคงศึกษาโอกาสที่จะเติบโตในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูงและสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาว หรือ New S-Curve ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์เทรนด์แห่งอนาคตและสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นของเราในระยะยาว"


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์