โครงการช้อปดีมีคืนหนุน HMPRO เผยกำไรไตรมาส 1/65 แตะ 1,510.95 ล้าน กวาดรายได้รวม 16,672.52 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 65 นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/65 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 1,510.95 ล้าน เพิ่มขึ้น 148.48 ล้านบาท หรือ 10.90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 16,672.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 839.96 ล้านบาท หรือ 5.31% โดยหลักมาจากรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า หรือ Home Service รวมจำนวน 15,760.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 708.53 ล้านบาท หรือ 4.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีส่วนมาจากการฟื้นตัวของการบริโภคในภูมิภาคที่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยการฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก รวมถึงมาตรการภาครัฐ เช่น โครงการช้อปดีมีคืน ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของลูกค้าบ้างในช่วงเดือน ก.พ.
นอกจากนี้ บริษัทมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งช่องทางสาขา และช่องทางออนไลน์ โดยในไตรมาสที่ 1/65 มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มเติม Homepro Electric Expo ในขณะเดียวกันรายได้จากช่องทางออนไลน์ยังคงเติบโตได้ดี
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีรายได้จากค่าเช่าจำนวน 410.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.36 ล้านบาท หรือ 26.61% และมีรายได้อื่นๆ จำนวน 500.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.07 ล้านบาท หรือ 9.89% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขา และช่องทางออนไลน์
ส่วนกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า หรือ Home Service รวมจำนวน 4,096.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223.42 ล้านบาท หรือ 5.77% เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายก็เพิ่มขึ้นจาก 25.73% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.99% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าขายในกลุ่มของสินค้าที่มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้จากการบริการที่เพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนค่าขนส่งจะสูงขึ้นก็ตาม
"ในไตรมาสที่ 1/65 นี้ ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับราคาพลังงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้า ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขายและการบริหารให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาได้ จากการควบคุมและปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ทั้งทางการบริหารสาขา และระบบ supply chain".