แอสเซทไวส์ โชว์กำไร Q2/64 แตะ 258 ล้าน เพิ่มขึ้น 76.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ล่าสุดบอร์ดเคาะจ่ายปันผลทั้งหุ้น-เงินสด
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 258.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.1 % และมีรายได้รวม 1,107.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.6%
โดยมี อัตรากำไรขั้นต้น หรือ Gross Profit Margin อยู่ที่ 47.1 % และอัตรากำไรสุทธิ หรือ Net Profit Margin อยู่ที่ 23.2 % ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 64 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 578.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.7% จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 2,281.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.8%
ทั้งนี้ มีลูกค้ามั่นใจในโครงการของบริษัทฯ และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทฯ ออกโปรโมชันที่ตอบโจทย์หลากหลายเพื่อกระตุ้นการโอนกรรมสิทธิ์ โดยรับรู้ยอดโอนกรรมสิทธิ์จากแบรนด์ Kave เป็นสัดส่วน 63% แบรนด์ Atmoz 22 % แบรนด์ Modiz 3% ตามลำดับ ส่วนที่เหลืออยู่ในแบรนด์อื่นๆ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 64 ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นหุ้นและเงินสด โดยมีสัดส่วนจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และการจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.02206 บาท เป็นเงิน 16,787,660 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล หรือ Record date ในวันที่ 26 ส.ค. 64 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 4 ต.ค.64
นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทฯ ยังมั่นใจเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ ร่วมกับกลยุทธ์การขายและการตลาดที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ โดยวางแผนเปิดขายโครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 9,700 ล้านบาท
ประเดิมด้วยการเปิดสำนักงานขาย โครงการ แอทโมซ บางนา มูลค่า 2,200 ล้านบาท กระแสตอบรับเป็นไปอย่างดีเยี่ยมทั้งจากลูกค้าเก่าที่ติดตามโครงการของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องและลูกค้าใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในสินค้าที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยของการให้บริการของ ASW แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอโอน หรือ Backlog มูลค่ากว่า 7,700 ล้านบาทโดยจะมี 2 โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ ในไตรมาส 3 ได้แก่ เคฟ ทียู มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท มียอดขายกว่า 90% และโมดิซ สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลงานในปี 2564 สามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะมีรายได้เติบโตระดับ 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 4,205 ล้านบาท
ทั้งนี้ ASW ยังคงเชื่อมั่นที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้รายได้ยังคงเติบโตอยู่กว่า 51% บริษัทฯ ยังคงเน้นกลยุทธ์การขายและการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และปรับตัวทันสถานการณ์ ซึ่งดูจากยอดขายในไตรมาสที่ผ่านๆ มา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม เรายังคงมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจและการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เช่น บริษัทฯ ได้มีการร่วมมือกับบริษัท ฟิวเจอร์คอมเพเทเร่ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาและลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดธุรกิจและสามารถปรับตัวสู่นวัตกรรมสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ผลักดันการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง