ส่องแนวโน้มหุ้นกลุ่มธุรกิจกัญชา หลังเกิดการควบรวมบริษัทหลายแห่งในต่างประเทศ พบหุ้นหลายตัวปรับตัวดีขึ้น รองรับความต้องการใช้กัญชาถูกกฎหมาย ในกลุ่มการแพทย์, อาหารและสันทนาการที่เติบโตในอนาคต
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 64 นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด หรือ บลจ.วี กล่าวว่า ปัจจุบันหุ้นในอุตสาหกรรมกัญชาได้ปรับตัวขึ้นจากกระแสเรื่องการควบรวมกิจการธุรกิจกัญชาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบว่าเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาบริษัท Tilray และ บริษัท Aphria ได้บรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน
ขณะเดียวกัน บริษัท Sundial Growers ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการร้านค้าปลีกของบริษัท Inner Spirit Holdings และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัท Canopy Growth ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท The Supreme Cannabis Company เช่นกัน
ล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมตลาดได้รับความสนใจและเป็นที่จับตามองอีกครั้ง เมื่อบริษัทรายใหญ่ในตลาดกัญชาอย่าง HEXO ได้ประกาศจะเข้าซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตกัญชารายหนึ่ง ด้วยมูลค่ากว่า 766 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้การซื้อและควบรวมกิจการที่เพิ่มขึ้นนี้ แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมกัญชากำลังเข้าสู่ภาวะสมดุล โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าธุรกิจกัญชาจะมีการแข่งขันที่น้อยลง และทำให้กำไรของบริษัทต่างๆ ในธุรกิจนี้มีความมั่นคงและเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในอีกหลายปีนับจากนี้ โดยทันทีที่มีข่าวดังกล่าวหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกัญชาในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 64 ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง
นำโดย Sundial Growers (SNDL) ปรับตัวขึ้น +15% , Cronos Group (CRON) +15%, OrganiGram Holdings (OGI) +11%, Aurora Cannabis (ACB) +8% และ Canopy Growth (CGC) +6% ซึ่งส่งผลให้กองทุน WE-CANAB มีผลการดำเนินงาน ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 8.82% เทียบกับดัชนี MSCI ACWI NET Total Return Index อยู่ที่ 3.11%
บลจ.วี มองว่าเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในกองทุนเปิด วี แคนนาบิส บิสสิเนส หรือ WE-CANAB ที่มีนโยบายลงทุนเชิงรุก ในกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้จากพืชสกุลกัญชาทั่วโลก และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจกัญชา เช่น อุปกรณ์การปลูก, ปุ๋ย, สารเคมี ฯลฯ ผ่านกองทุนหลัก ETFMG Alternative Harvest ETF สัดส่วนประมาณ 60% และลงทุนผ่านกองทุนหลัก Global X Cannabis ETF ในสัดส่วนประมาณ 40%
นอกจากนี้ เรายังประเมินว่า สัดส่วนของตลาดกัญชาที่ถูกกฎหมายจะการเติบโตเฉลี่ย 27% ต่อปีและจะมูลค่าถึง 95,000 ล้านเหรียญ ในปี 2025 จากระดับ 28,000 ล้านเหรียญฯ ในปี 2020 จากความต้องการใช้ในการแพทย์, การใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มเพื่อบริโภคและการใช้เพื่อสันทนาการ (Source : Euromonitor International) โดยมีกลุ่มผู้บริโภคหลัก คือกลุ่มคนช่วงระหว่าง 26-54 ปีประมาณ 52%
รองลงมาคือ Gen X และ Gen Z ประมาณ 31% และกลุ่มผู้ป่วยประมาณ 17% (Source : Research Report: The 2020 Cannabis Consumer / 2020 Cannabis Consumer White Paper) นอกจากนี้คาดว่าในปี 2028 การจ้างงานที่เกี่ยวกับธุรกิจกัญชาจะเติบโตกว่า 250% โดยมีตลาดหลักคือ ประเทศสหรัฐฯ, ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร (Source : Global X Cannabis ETF)