ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ก.พ.64 ปิดที่ 1,496.78 จุด บวก 5.67 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 124,121.22 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 7,446.15 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัสประเมินทิศทางตลาดหุ้นเดือน มี.ค.64 ระบุว่า สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยค่าเฉลี่ยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเดือน ก.พ.64 มี 4.09 แสนราย ลดลงเมื่อเทียบกับ 6.3 แสนรายในเดือน ม.ค.64 รวมถึงไทยควบคุมได้ดี
อีกทั้งเริ่มเห็นความคืบหน้าวัคซีนมากขึ้นในฝั่งเอเชีย โดยช่วงกลาง ก.พ.64 ประเทศในเอเชียเริ่มเดินหน้าฉีดวัคซีนมากขึ้น เช่น ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ฮ่องกง และไทย ที่วัคซีนชุดแรกจะเริ่มต้นฉีดช่วงปลาย ก.พ. หรือต้น มี.ค.64 และตั้งเป้าว่าปี 64 จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนไม่น้อยกว่า 63 ล้านโดส หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวอีกครั้ง บวกกับยังมีแรงขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่อัดฉีดเม็ดเงินก้อนใหญ่เข้ามาเดือน มี.ค.
ส่วน Fund Flow เดือน มี.ค.64 มีหลายปัจจัยหนุนให้ไหลกลับเข้าหุ้นไทย คือ 1.สภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นระบบ จากมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และยอดการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยฯ 2.Bond Yield ไทยที่ขยับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 1.62% แสดงถึงเม็ดเงินเริ่มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยและมีโอกาสไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
3.การฉีดวัคซีนที่กระจายตัวมากขึ้น บวกกับหุ้นไทยยัง Laggard กว่าตลาดหุ้นอื่น เมื่อวัดจากจุดสูงสุดก่อนเกิด COVID-19 ทำให้ต่างชาติมีโอกาสกลับมาสนใจหุ้นไทยมากขึ้น
ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน 4Q63 Downside จำกัด จากการรับมือ COVID-19 รอบ 2 ได้ดีกว่าที่คาด และน่าจะเห็นการโตก้าวกระโดด YOY ในไตรมาส 1 ปี 64 จากฐานที่ต่ำในปีก่อน หนุนกำไร ทั้งปี 64 ยังมีโอกาสฟื้นตัวกว่า 30% ขณะที่ Valuation ของตลาดมี Market Earning Yield Cap สูงถึง 3.9% เป็นระดับที่น่าสนใจเข้าสะสมหุ้น โดยประเมินเป้าหมายดัชนีปี 64 ไว้ที่ 1,646 จุด
กลยุทธ์เลือกหุ้นพื้นฐานแกร่งที่มีโอกาสฟื้นตัวได้ดีกว่าตลาดแนะนำหุ้น PTT, CPN, MINT, SPVI รวมถึงควรมีหุ้นปันผลติดพอร์ตเพื่อลดความผันผวนหรือความเสี่ยงจากต่างประเทศ แนะหุ้น SPALI, MCS ในทางตรงข้ามหุ้นที่ขยับขึ้นมาแรงจนเกินมูลค่าพื้นฐาน อย่าง DELTA, OR ต้องระมัดระวังการเก็งกำไร!!
ปิดท้าย “กรุงเทพประกันชีวิต” โชว์ผลประกอบการไตรมาส 4/63
เบี้ยประกันรับปีแรกแตะ 6,550 ล้านบาท โต 6% สวนกระแสอุตสาหกรรม ส่วนเบี้ยรับประกันภัยรวมปี 63 มีจำนวน 34,745 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อน ณ สิ้นปี 63 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 339,778 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,608 ล้านบาท ลดลง 63%.
อินเด็กซ์ 51