ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 22 ก.พ.64 ปิดที่ 1,478.14 จุด ลดลง 22.37 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 89,859.24 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,966.70 ล้านบาท
หุ้นไทยทิ้งตัวดิ่งลงแรง ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยหุ้นปรับตัวลงปิดตลาดหลุดระดับ 1,500 จุด ลงมาอย่างง่ายดาย โดยมีแรงเทขายหุ้นใหญ่รายกลุ่มรายตัว ทั้งหุ้นแบงก์และพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลง
ขณะที่ bond yield สหรัฐฯปรับตัวขึ้นกดดันกระแสเงินทุน โดยตลาดกังวลภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ขณะที่สภาพคล่องของเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) อาจลดลง และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต หลังเศรษฐกิจส่งสัญญาณกลับมาฟื้นตัว
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองดัชนีปรับฐานระยะสั้น ให้แนวรับที่ 1,460-1,450 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,500-1,515 จุด แนะเป็นจังหวะดีเข้าซื้อสะสมหุ้นที่แนวรับ เชียร์หุ้นไตรมาส 4/63 ฟื้นตัวดี เช่น AH และ CHG
ปิดท้าย มีข่าวแจ้งผลประกอบการน่าสนใจ TU ปี 63 กำไรสุทธิ 6,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.7% ยอดขายรวม 132,402 ล้านบาท อาหารทะเลแปรรูปบรรจุกระป๋อง-ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้น หลังผู้บริโภคเลือกซื้ออาหารที่เก็บไว้ได้นานขึ้นช่วงโควิด แถมบอร์ดใจดีจ่ายเงินปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปีปันผล 0.72 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 53.2% จากปีก่อนหน้า
ส่วน PREB แม้โชว์กำไรปี 63 ลดลงจากปี 62 โดยมีกำไรสุทธิ 165.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.54 บาท แต่บอร์ดใจปํ้า จ่ายปันผล
ผู้ถือหุ้น 0.40 บาทต่อหุ้น ใช้เงิน 123.48 ล้านบาท คิดเป็น 74% ของกำไรสุทธิ สูงกว่านโยบายปันผลที่กำหนดไว้ไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ หวังตอบแทนและช่วยแบ่งเบาภาระผู้ถือหุ้นที่ต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ
ขณะที่ CPALL ปี 63 มีกำไร 16,102.41 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 22,343.08 ล้านบาท คำแนะนำโบรกเกอร์ บล.หยวนต้า แนะซื้อให้ราคาเหมาะสมสูงสุดที่ 77.50 บาท ตามด้วย บล.เอเชีย เวลท์ ให้เป้าหมายที่ 76 บาท บล.ฟิลลิปให้ 75 บาท บล.เอเซียพลัส ให้ราคาเป้าหมาย 74 บาท แต่ บล. เคจีไอ ปรับลดเป้าหมายปี 64 ลงเหลือ 62 บาท จากเดิม 67 บาท!!
อินเด็กซ์ 51