ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 ต.ค.63 ปิดที่ 1,208.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.98 จุด มูลค่าซื้อขาย 45,732.01 ล้านบาท
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ชี้ว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ระหว่างวันหลุดระดับ 1,200 จุด เป็นผลจากการที่นักลงทุนกลับมากังวลกับการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ดาวน์โจนส์ดิ่งแรง ในภาวะเช่นนี้มองว่าเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นใหญ่ ได้แก่ SCC, DELTA, CPF, HMPRO, STGT, BAM!!
เนื่องจากประเมิน Downside ของ SET Index เริ่มจำกัดที่บริเวณดังกล่าวแล้วและมองกรอบแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,170 จุด อิง Forward PE ที่ 14.6 เท่า
อย่างไรก็ตาม COVID-19 ยังเป็นปัจจัยต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ ล่าสุดกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯอย่างรุนแรง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้จำนวน Active case ของทั้งโลกทำจุดสูงสุดด้วย
การระบาดของ COVID-19 ที่ยังยืดเยื้อจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อสินทรัพย์และกลุ่มหุ้นต่างๆดังนี้ 1.ราคาน้ำมันดิบจะยังคงมี Upside ที่จำกัดต่อ และอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่างๆมีแนวโน้มจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะเชื้อเพลิงอากาศยานที่การฟื้นตัวน่าจะยังคงถูกจำกัด จากจำนวนเที่ยวบิน Commercial flight ที่ยังไม่น่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติ
2.คาดหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นสนามบิน สายการบิน หรือโรงแรมต่างๆ จะยังคงปรับตัว Underperform ตลาดต่อไป จาก Valuation ที่แพงและสะท้อนผลการดำเนินงานไป 2-3 ปีล่วงหน้าแล้ว
ประเมินการฟื้นตัวมีโอกาสล่าช้ามากขึ้นไปอีก จากการจำกัดการเดินทางในต่างประเทศที่สูงขึ้น และการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ยังทำได้ยาก จึงแนะนำ “Underweight” ในหุ้นท่องเที่ยวและหุ้นกลุ่มนี้ยังมีโอกาสตกเป็นเป้าหมายของการทำชอร์ตเซลอีกครั้ง
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเราไปยังยอดการส่งออกสินค้าของไทยไปยังสหรัฐฯช่วงที่สหรัฐฯมีการ Lockdown อย่างเข้มข้น ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงพฤษภาคมนั้น พบว่ามีหลายหมวดสินค้าที่มีการขยายตัวอย่างน่าสนใจ ซึ่งน่าจะเป็นสินค้าที่ได้ประโยชน์ หากธีม Social distancing ในสหรัฐฯยังคงดำรงอยู่ต่อไป ได้แก่ ธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง/แปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง
มองหุ้นที่เกี่ยวข้องได้แก่ ASIAN, ธุรกิจฟิลม์ที่ใช้ผลิตสินค้าจำพวกบรรจุภัณฑ์อาหาร มองหุ้นที่เกี่ยวข้องได้แก่ PTL และหุ้นธุรกิจถุงมือยางที่ใช้ในบริการสาธารณสุข มองหุ้น STGT โดดเด่นสุด!!
อินเด็กซ์ 51