ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 21 เม.ย.63 ปิดที่ 1,252.92 จุด ลดลง 13.48 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 58,676.75 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 6,103.20 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 34 บาท ลบ 1.25 บาท, GULF ปิด 36.50 บาท บวก 0.50 บาท, AOT ปิด 60.50 บาท ลบ 1.50 บาท, CPALL ปิด 65.50 บาท ลบ 0.50 บาท และ PTTEP ปิด 76.25 บาท ลบ 2.75 บาท
หุ้นไทยย่อตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างรุนแรง กดหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มแบงก์ผสมโรงกดดันตลาด หลังมองทิศทางผลประกอบการแบงก์ไม่ดีนัก
ครม. มีมติเห็นชอบระเบียบในการจัดหาเงินและตั้งคณะกรรมการตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และเห็นชอบ พ.ร.ก. ของ ธปท. ทั้ง 2 ฉบับ ขณะที่สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสผ่อนปรนมาตรการ Lockdown แต่ยังไม่ปลด Lockdown ทั้งหมด และยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน โดยหากภาคส่วนไหนต้องการเปิด ต้องเสนอมาตรการป้องกันให้พิจารณาเป็นรายกรณี
ขณะที่ ครม. เห็นชอบขยายวงเงินเยียวยา 5,000 บาท/คน/เดือน จาก 9 ล้านคน เป็น 14 ล้านคน โดยกำหนดกรอบเวลา 3 เดือน คิดเป็นวงเงิน 2.1 แสนล้านบาท บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค หุ้นเด่น CPF- CPALL-BJC-TACC-CBG-ADVANC และ DTAC
นอกจากนี้ ยังได้ Update หุ้น STA พบว่า ล่าสุดออเดอร์ถุงมือยางแน่นไปถึงเดือน ก.พ.64 แล้ว ด้วยราคาขายที่เพิ่มขึ้น YoY อย่างมี นัยสำคัญ และยังได้ประโยชน์จากบาทอ่อน เพราะส่งออก 90% แนะนำซื้อทางเทคนิคมีแนวต้านที่ 12.50 บาท หากผ่านไปได้แนวถัดไป 13.00 บาท
ส่วนประเด็นที่เยอรมนีเดินหน้าทยอยปลด Lockdown เพิ่มเติม หลังอนุญาตให้ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก, ผู้ผลิตรถยนต์, ร้านจักรยาน และ ร้านหนังสือเปิดทำการไปแล้ว ส่วนโรงเรียนจะเริ่มเปิด 4 พ.ค.63 แต่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ โรงหนัง และร้านอาหารยังปิดทำการ ซึ่งเยอรมนี
ถือเป็นประเทศที่คุม COVID-19 ได้ดีสุดในยุโรป
โดยการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเยอรมนี เป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ DELTA–KCE!!
อินเด็กซ์ 51