ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ก.พ.63 ปิดที่ 1,527.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 52,494.10 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,118.49 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 27.75 บาท ลบ 3.75 บาท, ADVANC ปิด 214 บาท บวก 10 บาท, GPSC ปิด 76.75 บาท บวก 2.50 บาท, AOT ปิด 70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงและ INTUCH ปิด 57 บาท บวก 2 บาท
โฟกัสผลการประมูล 5G ต่อหุ้นสื่อสาร โดยฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ระบุว่าผลประมูลที่ออกมาไม่ได้สร้าง Downside ที่มีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรม โดยปริมาณทั้งหมดที่ประมูลได้และราคาประมูลใกล้เคียงกับคาดไว้ ทำให้ต้นทุนคลื่น 5G ต่ำกว่าต้นทุนคลื่น 4G ราว 3-5 เท่าตัว
ขณะที่ DTAC ต้องเหนื่อยกับการทำธุรกิจมากขึ้น โดย ADVANC และ TRUE ได้คลื่นมาเพิ่ม 1,310 MHz และ 890 MHz ส่วน DTAC ได้เพียง 200 MHz โดยคลื่น 5G ที่ DTAC ขาด คือ คลื่นความถี่ช่วงกลาง (2600 MHz) ที่เหมาะกับการให้บริการลูกค้าผู้บริโภคทั่วไป
และโครงสร้างคลื่นที่ผู้ให้บริการอันดับ 1 และ 2 ดีกว่าอันดับ 3 มาก จะช่วยลดความเสี่ยงการแข่งขัน โดยผู้ประกอบการที่เหนือกว่า จะใช้จุดเด่น
ด้านคุณภาพบริการ ซึ่งน่าจะดีกับ ADVANC แต่ ยังคงรายได้ของ ADVANC และ TRUE ไว้ใกล้เคียงเดิม ยกเว้น DTAC ที่ปรับลดประมาณการลงอย่างมีนัยสำคัญ ให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มสื่อสาร เท่าตลาด เลือก ADVANC เป็นหุ้น Top Pick ราคาเป้าหมาย 248 บาท และยังลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก 5G เช่น INSET เป้าหมาย 4.16 บาท, JMART 11.6 บาท และ COM7 เป้าหมาย 28 บาท
ส่วน บล.ทรีนีตี้ ยังคงน้ำหนักกลุ่มสื่อสาร “เท่าตลาด” เลือก ADVANC เป็น Top pick ที่ราคาเป้าหมาย 250 บาท โดยมองการตอบรับต่อผลการประมูล ดังนี้ TRUE ตอบรับเชิงบวก เนื่องจากชนะประมูลใบอนุญาตที่ไม่เกิดการแข่งขัน ราคาไม่สูงมาก และได้คลื่นไปมากเพียงพอต่อการให้บริการ ส่วน ADVANC ตอบรับเชิงบวกเล็กน้อย เนื่องจากจำนวนคลื่นที่ได้มากที่สุด สร้างความเชื่อมั่นระยะยาวต่อลูกค้าได้ แต่แลกมาด้วยเงินค่าใบอนุญาตที่ค่อนข้างสูง
ขณะที่ DTAC ตอบรับเชิงลบ เนื่องจากไม่มีการแข่งขันบนคลื่น 2600MHz ทำให้คู่แข่งได้คลื่นกันไปครบถ้วนในราคาที่ไม่สูงมาก ลูกค้าอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในบริการ ส่งผลให้อาจมีการย้ายค่ายไปใช้คู่แข่ง!!
อินเด็กซ์ 51