ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 ม.ค.63 ปิดที่ 1,513.26 จุด ลดลง 10.89 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 67,113.51 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 651.20 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 68 บาท ลบ 0.75 บาท, BAM ปิด 26 บาท ลบ 0.75 บาท, GPSC ปิด 88.25 บาท ลบ 3.75 บาท, GULF ปิด 190.50 บาท ลบ 4.50 บาท และ PTT ปิด 43.75 บาท บวก 0.25 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินหุ้นไทยไม่น่าหลุดกรอบ 1,500 จุด เนื่องจากพื้นฐานหุ้นไทยมีความแข็งแกร่ง แม้สถานการณ์ยังมีความเสี่ยง และกระทบต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้แนะลงทุนหุ้นที่มีการจ่ายปันผล เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบหรือความเสี่ยงจากไวรัสโคโรนา เลือกลงทุนหุ้นกลุ่มสื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งหุ้นกลุ่มการบินและโรงกลั่น โดยให้รอจังหวะเข้าลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ หากย้อนไปช่วงที่มีการระบาดของโรคซาร์ส พบว่าดัชนีหุ้นปรับตัวลงมา 10-15% ซึ่งขณะนี้ราคาหุ้นก็ปรับลงมาถึงระดับนี้แล้ว จึงอยาก ให้ลงทุนหุ้นในกลุ่มปันผล และหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
บลจ.กสิกรไทย ประเมินว่า ระยะสั้นดัชนีหุ้นไทย ยังผันผวนจากความกังวลของผู้ลงทุนจากข่าวที่เข้ามากระทบหากสถานการณ์ควบคุมได้ใน 2-3 เดือน ดัชนีที่ระดับ 1,500 จุด น่าจะสะท้อนความกังวลไประดับหนึ่งแล้ว ส่วนระยะยาวหุ้นไทยยังน่าสนใจ
เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ดัชนีปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ 1,700 จุด
แนะกลยุทธ์สำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนและลงทุนในระยะยาวได้ ตลาดที่ปรับลงในช่วงนี้เป็นโอกาสทยอยเข้าลงทุนในกองทุนหุ้นไทย หลังยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยจากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องในระบบสูง ขณะที่ราคาหุ้นไทยลงมาในระดับต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทย ยังน่าสนใจในเชิงเปรียบเทียบ แต่หากไม่สามารถรับความผันผวนได้ หรือลงทุนในกองทุนหุ้นไทยไปบางส่วนแล้ว แนะให้ถือต่อและรอประเมินสถานการณ์
ปิดท้าย บล.บัวหลวง แนะนำ OVERWEIGHT หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเลี่ยงกลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยว โดยหุ้นตัวที่ชอบที่สุดคือ BDMS, CHG, BH และ BCH!!
อินเด็กซ์ 51