ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 ม.ค.62 ปิดที่ 1,592.72 จุด บวก 17.59 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 44,999.66 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,068.77 ล้านบาท, พอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 273.36 ล้านบาท รายย่อย ขายสุทธิ 3,756.24 ล้านบาท กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 5,098.36 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 48 บาท บวก 1.25 บาท, PTTEP ปิด 121 บาท บวก 2.50 บาท, CPALL ปิด 73 บาท บวก 0.75 บาท และ PTTGC 72 บาท บวก 2 บาท และ AOT ปิด 64.25 บาท ลบ 0.25 บาท
ตลาดฟื้นตัวขึ้นต่อตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯส่งสัญญาณผ่อนคลายการดำเนินนโยบายการเงินและราคาน้ำมันที่รีบาวด์นับขึ้นหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า กลุ่มหุ้นปันผลสูงถือเป็นธีมหลักในการลงทุนช่วงนี้ เพราะเป็นกลุ่มที่ได้เปรียบในแง่ของ Valuation และ Timing จึงถือเป็นแหล่งพักเงินยามตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง
โดยในแง่ Valuation ขณะนี้ระดับ Forward Dividend yield ของดัชนีอยู่ที่ 3.3% แล้ว ถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี ส่วนในแง่ของ Timing นั้น จากการศึกษาพบว่าในช่วง 4 เดือนแรกของทุกปี ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงทุนหุ้นปันผลสูง
สะท้อนจากผลงานของดัชนี SETHD ที่ไม่เคยให้ผลตอบแทนติดลบตั้งแต่การก่อตั้งดัชนีมาในปี 54 โดยมีผลตอบแทนการลงทุนต่ำสุดอยู่ที่ 4.4% และผลตอบแทนสูงสุดอยู่ที่ 16.2% และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 10.0%
เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ระบุว่า ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรกลุ่มหุ้นปันผลสูง ซึ่งตามสถิติหากซื้อก่อนราว 2 เดือนที่จะขึ้น XD และขายออกก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย 1 วัน มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงสุดถึง 5% โดยยิ่งซื้อก่อนนานกว่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า
ซึ่งหากซื้อก่อน 1 เดือน และขายก่อนขึ้น XD 1 วัน มีโอกาส ได้ผลตอบแทนเหลือ 2.6%...ตามนั้น.
อินเด็กซ์ 51