SABUY โคม่า!! ขาดทุน 853 ล้าน ขาดสภาพคล่องหนัก เบี้ยวหนี้ 118 ล้าน ขอมติผู้ถือหุ้นกู้ ขยายอายุ3ปี

วิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เปิดเผยว่า สรุปภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 1.26 พันล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากในไตรมาสที่ 3 กลุ่มบริษัทได้มีการจำหน่ายธุรกิจ outsourcing บริการจัดหาคนงานออกจากกลุ่ม ซึ่งได้แก่ Sabuy Alliance และ SK Human เนื่องจากไม่ได้อยู่ในแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัท ทำให้รายได้ลดลงจากการจำหน่ายกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ขณะที่รายได้บริการจากธุรกิจหลัก เช่น ตู้เติมเงิน, SPEED, iSoftel, Sabuy wash ยังคงสามารถรักษายอดการให้บริการได้ดีอยู่สำหรับในไตรมาส 3 2567 

 รายได้จากการขายสำหรับงวดไตรมาส 3 ที่ 586.1 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน -63.8% โดยสาเหตุหลักมาจากการเสียอำนาจการควบคุมบริษัทย่อยใน SBNEXT ทำให้กลุ่มบริษัทหยุดนำงบการเงินของ SBNEXT มารวมในงบการเงินของกลุ่มบริษัท ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา ซึ่ง SBNEXT มีธุรกิจจำหน่ายเครื่องกรองน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเช่าซื้อ ซึ่งมีสัดส่วนสำคัญในกลุ่มรายได้จากการขายของกลุ่มบริษัท ส่งผลให้รายได้จากการขายลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน งวด 3 เดือน ลดลง -29.7% ส่วนหนึ่งลดลงจากธุรกิจการจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าของ LOVLS ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 2 จะเป็นช่วง Top season ในการจำหน่ายสินค้าเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเมื่อเข้าไตรมาส 3 ยอดจำหน่ายสินค้าจะเริ่มลดลง ส่งผลให้ยอดขายในภาพรวมของกลุ่มลดลงจากไตรมาสก่อน

ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิรวม 918.4 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิในส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 865.2 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 3 2567 บริษัทมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการเสียอำนาจการควบคุมในบริษัทย่อย จากการจำหน่ายเงินลงทุนใน BZB บางส่วนให้กับบุคคลภายนอกกลุ่มบริษัท โดยรับรู้ผลขาดทุนจำนวน 575.4 ล้านบาท

รับผิดนัดชำระหนี้แบงก์ 118 ล้านบาท

บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ขอเรียนให้ทราบว่าตามหมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งได้เผยแพร่ไปแล้วนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้เงินเบิกเกินบัญชี เงินกู้ยืมระยะยาว และดอกเบี้ยที่ครบกำหนดตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ตามจำนวนและ/หรือกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญากู้ยืมเงินกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมียอดคงเหลือของเงินเบิกเกินบัญชี เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ถึงกำหนดชำระเมื่อทวงถาม และดอกเบี้ยค้างจ่ายกับสถาบันการเงินนั้น จำนวน 118.2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม SABUY เตรียมเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 3 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้ SABUY258A หุ้นกู้ SABUY254A และหุ้นกู้ SABUY24DA ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.00 น. โดยมีเรื่องพิจารณาหลักๆ คือ การพิจารณาผ่อนผันให้การที่ผู้ออกหุ้นกู้เข้าเจรจาปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน และการที่ผู้ออกหุ้นกู้เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้พิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไปอีก 3 ปี นับจากวันครบกำหนดไถ่ถอนเดิม

ยกเลิกหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้ในการดำรงไว้ซึ่งอัตราส่วนของ “หนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น” (Net Debt to Equity Ratio) ตลอดอายุของหุ้นกู้

พิจารณาอนุมัติการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้และพิจารณาอนุมัติให้กำหนดวันชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ จากเดิมชำระทุกๆ 3 เดือน เป็นชำระทุกๆ 6 เดือน

และพิจารณาอนุมัติผ่อนผันให้การที่ผู้ออกหุ้นกู้ชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ SABUY258A ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ประจำงวดวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ไม่ให้ถือเป็นเหตุผิดนัด

นอกจากนี้ บริษัทยังแจ้งถึงการลาออกของวิรัช มรกตกาล ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อนุมัติแต่งตั้งนายอิทธิชัย พูลวรลักษณ์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชื่อบริษัท ตราประทับบริษัท ชื่อย่อหลักทรัพย์ของบริษัท เป็น บริษัท ดับบลิว เอส โอ แอล จำกัด (มหาชน) หรือ ตัวย่อ WSOL

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment