ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (Association of Investment Management Companies – AIMC) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ได้เลือกตั้งนายกสมาคมใหม่ และมีมติเป็นเอกฉันท์เลือก “ชวินดา หาญรัตนกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นนายกสมาคม ดำรงตำแหน่งต่อเนื่องเป็นวาระที่สอง โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2567 เป็นต้น ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2569
ทั้งนี้ ได้แถลงวิสัยทัศน์และแนวทางการบริหารงานของสมาคมในระยะต่อไปว่า พร้อมที่จะสานต่อการทำงานให้เกิดความต่อเนื่องจากแนวทางที่ได้กำหนดไว้ในคณะกรรมการชุดที่ผ่านมา ที่มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมจัดการลงทุนให้เป็นกลไกหลักสำหรับการออมและการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ เติบโตควบคู่กับเศรษฐกิจไทย และมีแนวคิดในการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของตลาดเงินตลาดทุนโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ชวินดา หาญรัตนกูล ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า หนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญในการดำรงตำแหน่งในวาระแรกที่ผ่านมานั้นคือการผลักดันให้เกิดการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund :ThaiESG) เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยได้รับการตอบรับและแรงสนับสนุนจากภาครัฐโดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ที่ลงทุน ซึ่งถือเป็นโอกาสของผู้ลงทุนไทยที่จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายทั้งความเป็นกลางของคาร์บอน และ Net Zero และความเพียงพอของการออมเพื่อการเกษียณของตนเอง
โดยโครงการประสบความสำเร็จอย่างดี มีผู้ลงทุนกว่าหนึ่งแสนคนและยังช่วยขยายฐานให้เกิดผู้ลงทุนหน้าใหม่อีกด้วย ซึ่ง AIMC หวังว่าจะต่อยอดความสำเร็จนี้ได้ในปีนี้และต่อๆ ไปเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมไทย
นอกจากนั้น AIMC จะมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการช่วยแก้ปัญหาความเพียงพอของการใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพภายหลังการเกษียณอายุซึ่งเป็นปัญหาอย่างเร่งด่วนของประเทศไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งกลยุทธ์การขยายฐานผู้ลงทุนในกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยในเรื่องดังกล่าวได้
ชวินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการแข่งขันที่สูงขึ้นจากผู้เล่นหน้าใหม่ๆ AIMC จึงให้ความสำคัญกับบทบาทของสมาคมในการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงรุกมากขึ้น โดยการแสวงหาโอกาสและช่องทางในการทำธุรกิจรองรับนวัตกรรมการให้บริการและการเปลี่ยนแปลงของตัวกลาง รวมไปถึงส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น Digital Assets, Complexed Products และแสวงหาตลาดใหม่เพื่อสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรม
และยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันได้ของบุคลากรในอุตสาหกรรม ทั้งทางด้านกฎระเบียบเพื่อนำไปสู่การเป็นผู้ให้บริการที่ดี มีกระบวนการปฏิบัติงานที่มีนวัตกรรม มีประสิทธิภาพ โปร่งใส มีการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การใช้งานปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องมือที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนและมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้
นอกจากนี้ AIMC จะมุ่งมั่นรักษามาตรฐานระดับสากลในการกำกับดูแลสมาชิกผู้ประกอบธุรกิจให้มีมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ดี ให้ความสำคัญกับความร่วมมือจากบริษัทสมาชิก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเพื่อร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมและตลาดทุนไทย รวมถึงกรณีที่เกิดความบกพร่องทุจริตผิดจริยธรรม AIMC จะใช้แนวทาง Collective engagement ของอุตสาหกรรม มีการสนทนาและมีส่วนร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง เป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการมีจริยธรรมการประกอบธุรกิจและการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล และหากจำเป็นก็จะรวมตัวกันเพื่อแสวงหาความยุติธรรม รักษาและปกป้องสิทธิให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน.