“หนี้เสียพุ่ง! 1.2 ล้านล้าน คนไทย 30 ล้านคน ติดกับดักหนี้ รวมกันทะลุ 16.3 ล้านล้านบาท”
นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งเรื่องสะท้อนว่าทำไมทักษะเรื่อง “การเงิน” จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนไทย ไม่นับรวมข้อมูลที่พบว่าคนไทยติด TOP 4 ของโลกที่ตกเป็นเหยื่อภัยการเงิน หรือแม้กระทั่งคดีแชร์ลูกโซ่ดัง “ดิไอคอนกรุ๊ป” เสียหายนับพันล้าน ก็ล้วนมาจากความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนแบบผิดๆ
ขณะที่ต้องยอมรับว่า ในยุคที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน การยกระดับทักษะการเงินในหมู่คนไทยจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เพราะเรากำลังเผชิญกับภาวะหนี้ครัวเรือนท่วมท้น เศรษฐกิจเติบโตแบบไม่แน่ไม่นอน และยังมีความเสี่ยงอื่นๆ รออยู่ในระยะข้างหน้า
อ้างอิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ ความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวกับการเงินในทุกมิติจะก่อให้เกิดประโยชน์ สร้างความมั่นคงให้กับชีวิตเรา 8 ข้อ ดังนี้
1. ช่วยสร้างนิสัยการใช้เงินที่ถูกต้องและมีเหตุผล
2. จัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ
3. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือไม่ก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น
4. ทำให้ตัดสินใจในการทำธุรกรรมทางการเงินดีขึ้น
5. ช่วยบริหารเงินและบริหารหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
6. ช่วยให้รู้จักลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อย่างเหมาะสมและรู้เท่าทัน
7. เป็นเครื่องมือนำไปสู่เป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ
8. มีเงินใช้เมื่อเกษียณและลดปัญหาความเครียดด้านการเงิน
หากแต่ความรู้การเงิน ทักษะทางเงินที่ดีของคนไทย ไม่ได้ช่วยเพียงแค่เป็นหลักประกันมั่นคงให้กับชีวิตเราและครอบครัวเท่านั้น แต่อีกนัย หากคนในชาติถูกปลูกฝังความรู้เรื่องการเงิน มีวินัยการเงิน และมีวัฒนธรรมการใช้เงินที่แข็งแกร่ง ยังจะช่วยกู้ชาติ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย
เทียบกรณีสิงคโปร์ ประเทศที่มีความรู้ทางการเงินมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยชาวสิงคโปร์ 59% ลงทุนเงินของตนเอง เทียบกับค่าเฉลี่ย 46% ทั่วทั้งภูมิภาค ที่มีหุ้น แผนเงินฝากประจำ และกองทุน ทำให้กลายเป็นประเทศหนึ่งที่มีระบบนิเวศทางการเงินที่แข็งแกร่ง เศรษฐกิจเติบโต ทรัพยากรมนุษย์มีคุณภาพ นำมาซึ่งโอกาสต่างๆ ของประเทศในระดับโลก
ข้อมูลจากนิตยสาร OKMD สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ฉบับล่าสุด ระบุความน่าเสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่กลับมองไม่เห็นความสำคัญของความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) มากนัก เกิดปัญหาการใช้เงินแบบเดือนชนเดือน การใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงิน การกู้หนี้ยืมสินเรื้อรัง และอีกหลายปัญหาเกี่ยวกับการเงิน
ซึ่ง 5 วิชาทางการเงินหลักๆ ที่ทุกคนควรรู้ หรือเร่งปลูกฝังให้กับเยาวชนไทยตั้งแต่เด็ก มีดังนี้
1. วิชาออมไว
เป็นวิชาปลูกฝังเรื่องการออมและวินัยการออม ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก หรือช่วงแรกของการทำงาน ด้วยเป็นช่วงที่เหมาะที่สุด เพราะภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ยังน้อย โดยการรู้จักออมก่อนค่อยใช้จ่าย อาจเริ่มง่ายๆ ด้วยการออมเล็กๆ น้อยๆ จากเงินค่าขนม เงินเดือนประจำ หรือรายได้เสริม แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามเวลาหรือความเหมาะสม
2. วิชาลงทุนให้เงินทำงาน
เนื่องจากการออมอย่างเดียวไม่เพียงพอ ยิ่งค่าเงินผันแปรไปตามภาวะเงินเฟ้อ อันส่งผลให้อำนาจการซื้อลดลง ยิ่งจำเป็นต้องมีวิชาการเงินด้านนี้ โดยการเรียนรู้เรื่องการลงทุนให้เข้าใจถ่องแท้ แล้วลงทุนอย่างรอบคอบ ในสัดส่วนเหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ เพื่อให้มีเงินงอกเงยมากขึ้น โดยยิ่งเริ่มต้นไวก็ยิ่งได้เปรียบ เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุน ตราสารหนี้ต่างๆ
3. วิชาเป็นหนี้แบบมีเงินเก็บ
เป็นวิชาว่าด้วยทัศนคติเกี่ยวกับการเป็นหนี้ ว่าหนี้ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป หากรู้จักบริหารหนี้ไม่ให้เกินตัว เพราะสิ่งจำเป็นบางอย่างอาจรอให้มีเงินสะสมเพียงพอค่อยซื้อไม่ได้ เพียงแต่ไม่ควรเป็นหนี้นอกระบบ และไม่ควรมีหนี้เกิน 50% ของรายได้แบบคงที่ทุกเดือน ไม่นับรวมเงินโอที หรือเงินจากส่วนอื่นๆ โดยสามารถผ่อนชำระได้ตามกำหนดเวลา ขณะเดียวกัน ก็มีเงินแบ่งเก็บออมในจำนวนที่ทำได้อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปด้วย ก็จะทำให้หนี้ไม่กลายเป็นภาระหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
4. วิชาวางแผนภาษี
ในเมื่อทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงควรต้องรู้จักวิชาการวางแผนภาษีอย่างถูกต้อง และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ ที่กฎหมายกำหนดไว้ เป็นเงินลดหย่อนได้อย่างครบถ้วน เพื่อให้เสียภาษีน้อยที่สุด รวมถึงไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเติม หรือเสียเบี้ยปรับโดยใช่เหตุ ซึ่งวิชานี้ควรเริ่มต้นเรียนรู้ตั้งแต่วัยทำงานใน 5 เรื่อง คือ รู้ประเภทของรายได้, รู้ค่าใช้จ่ายที่หักภาษีได้, รู้ค่าลดหย่อนเพื่อลดภาษี, รู้วิธีการคำนวณภาษี และรู้ช่องทางการยื่นภาษี เพื่อจะได้ดำเนินการเสียภาษีให้เป็นไปตามแผน
5. วิชาเกษียณแบบมีรายได้
เป็นวิชาที่หลายคนมองข้าม ทั้งที่ความจริงจะถึงวัยเกษียณหรือหยุดทำงานแล้ว แต่ทุกคนก็ยังมีโอกาสสร้างรายได้จากช่องทางต่างๆ ได้ หากมีการเตรียมพร้อมมาอย่างดีตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เช่น การวางแผนหารายได้เสริมหลังเกษียณอายุ โดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถที่มีและลักษณะงานที่เหมาะสมกับเงื่อนไขด้านสุขภาพ หรือการสร้างรายได้จากทรัพย์สินที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ การแปลงที่ดินทำธุรกิจ หรือการนำเงินออมไปลงทุนในพอร์ตต่างๆ อย่างเหมาะสม
ที่มา : เครดิตบูโร ,ธปท.,OKMD
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney