เกิดอะไรขึ้นกับ WHA ? กดราคาหุ้นร่วง 2 วันติด “จรีพร” มั่นใจกำไรโตต่อ เดินหน้านำ WHAID เข้า IPO

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เกิดอะไรขึ้นกับ WHA ? กดราคาหุ้นร่วง 2 วันติด “จรีพร” มั่นใจกำไรโตต่อ เดินหน้านำ WHAID เข้า IPO

Date Time: 25 ก.พ. 2568 16:41 น.

Video

โลกร้อน ทำคนจนกว่าที่คิด "คาร์บอนเครดิต" โอกาสในเศรษฐกิจโลกใหม่

Summary

  • เกิดอะไรขึ้นกับ WHA ยักษ์ใหญ่นิคมอุตสาหกรรมไทย หลังราคาปรับตัวลดลงไม่หยุด 2 วันติดต่อกัน ผู้บริหารมั่นใจกำไรปกติ 2567 ยังทำนิวไฮได้ ขณะที่ผลประกอบการย้อนหลัง พบ รายได้-กำไรโตต่อเนื่อง พร้อมเปิดแผน Spin-off บริษัทลูก WHAID สร้างการเติบโต

Latest


เกิดอะไรขึ้นกับ WHA ? นักลงทุนต่างให้ความสนใจกับหุ้น WHA หรือบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่นิคมอุตสาหกรรมไทย หลังราคาปรับตัวลดลงไม่หยุด 2 วันติดต่อกัน ล่าสุดราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้ (25 ก.พ.2568) อยู่ที่ 3.44 บาท ลดลง 0.26 บาท หรือ -7.03% ต่อเนื่องจากเมื่อวาน

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น WHA ที่ร่วงหนักมากกว่า 20% วานนี้ (24 ก.พ.2568) พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายผ่าน Program Trading สูงถึง 1,911 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.86% เทียบกับมูลค่าการซื้อขายแบบ Auto Matching

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ต้องออกโรงชี้แจง โดยมองว่าเป็นแรง "Panic Sell" แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดจากความผิดหวังในงบไตรมาส 4/67 หรือความกังวลเรื่องการ Spin-off ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม WHAID หรือไม่

มั่นใจกำไรปกติ 2567 ยังทำนิวไฮได้

จรีพร จารุกรสกุล ชี้แจงวานนี้ว่า แม้ไตรมาส 4/67 รายได้จะมีโอกาสลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมทั้งปี 2567 WHA ยังมีการเติบโตได้อย่างน่าพอใจ และยังมีกำไรที่สามารถทำสถิติใหม่ได้ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายในปัจจุบัน

พร้อมกับยืนยันว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงนั้น ไม่ได้เกิดจากการบังคับขาย เพราะตนไม่ได้มีการนำหุ้นไปวางเป็นหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้น ขณะที่แผนการนำ “ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์” หรือ WHAID เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนั้น มีการวางแผนมาอย่างดี

ส่องผลประกอบการ WHA ย้อนหลัง รายได้-กำไร โตต่อเนื่อง

WHA คือหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ตอบโจทย์นักลงทุนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากจะพัฒนาโครงการเองแล้ว ยังมีกลยุทธ์นำสินทรัพย์คุณภาพเข้ากองทรัสต์ฯ เพื่อระดมทุนพัฒนาโครงการใหม่ พร้อมทั้งบริหารกองทรัสต์และรับเงินปันผลต่อเนื่องด้วย

หากย้อนดูผลประกอบการของ WHA จะพบว่าตัวเลขผลประกอบการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

  • ปี 2563 รายได้รวม 8,197.88 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,523.75 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้รวม 11,638.82 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,590.07 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้รวม 14,982.33 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,045.87 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้รวม 15,519.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,425.74 ล้านบาท
  • 9 เดือนปี 2567 ทำรายได้ 8,401.02 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,112.67 ล้านบาท

ขณะที่วานนี้ (24 ก.พ.2568) จรีพร ได้จัดการประชุมนักวิเคราะห์ เพื่อรายงานผลประกอบการประจำปี 2567 โดยบริษัทเผยว่า มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 4,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% และประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 แก่ผู้ถือหุ้นรวมจำนวน 2,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 3.6% รวมถึงรายงานแผนกลยุทธ์และทิศทางการเติบโตของบริษัทในปี 2568 และแผนการลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้าด้วย

สำหรับผลประกอบการงวดปี 2567 และไตรมาส 4/67 อย่างเป็นทางการนั้น คาดว่าจะมีการประกาศผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เร็วๆ นี้

Spin-off บริษัทลูก WHAID สร้างการเติบโต

ปัจจุบัน WHA Group มีบริษัทย่อยและกองทรัสต์เพื่อการลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 4 ราย ดังนี้

  1. บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น WHA
  2. บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น WHAUP
  3. ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล หรือ WHAIR
  4. ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ WHART

ล่าสุด บริษัทแจ้งมติคณะกรรมการบริษัทฯ เดินหน้าแผนเตรียมการออกและเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAID ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

สำหรับแผนนำ WHAID เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น จะมีการเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 22.73% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว WHA ยังคงถือหุ้นใหญ่ใน WHAID อย่างน้อย 75.95% โดยแผนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเสริมศักยภาพทางการเงินและการเติบโตของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

การ IPO ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ขยายธุรกิจ 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ 

  1. โลจิสติกส์
  2. โมบิลิตี้ (Mobilix)
  3. นิคมอุตสาหกรรม
  4. สาธารณูปโภคและพลังงาน
  5. ดิจิทัล 

นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP โดย WHAID จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลง 10% เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ

การ IPO จะช่วยสนับสนุนศักยภาพและความสามารถในการเติบโตในฐานะ Flagship ในการดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของกลุ่ม ซึ่งมีการเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมในประเทศไทยและในประเทศเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับ WHAID มีนิคมอุตสาหกรรมกว่า 15 แห่งในไทยและเวียดนาม ครอบคลุมพื้นที่ 78,500 ไร่ พร้อมขยายโครงการใหม่ 7 แห่ง เพื่อตอบรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ แผนการ IPO ของ WHAID และการปรับโครงสร้างการถือหุ้น เป็นไปเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทในทุกภาคส่วน อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสให้นักลงทุนในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของ WHAID ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทย ตลอดจนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม

นักวิเคราะห์ฯ เชื่อ Spin-off เป็นผลดีในระยะยาว

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า WHA มีแผนเสนอขายหุ้น IPO บริษัทย่อย WHAID ในปลายปี 2568 เราคาดว่าจะมีผลกระทบเชิงลบในระยะสั้น โดยอาจต้องเสียภาษีจากการปรับโครงสร้างธุรกิจและการขายหุ้นเดิมและกำไรจะลดลง 13% (720 ล้านบาท) ในปี 2569 ในขณะที่ธุรกิจ Mobilix อาจต้องใช้เวลา 3-4 ปี ที่กำไรจะมาชดเชย หาก WHA ไม่การลงทุนจำนวนมากก็จะจ่ายเงินปันผลพิเศษ ส่วนในระยะยาว Mobilix จะสร้างรายได้ประจำและลดผลกระทบของอุตสาหกรรมนิคมฯ ในช่วงธุรกิจขาลง เงินสดที่ได้รับจาก IPO ยังจะช่วยให้บริษัทสามารถทำดีลควบรวมกิจการได้ด้วย

ขณะที่ราคาเป้าหมายอิงตามค่า DCF สำหรับแต่ละกลุ่ม จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ P/E จะเพิ่มขึ้นเป็น 12 เท่า จาก 10 เท่าในปี 2569 เนื่องจากผลกระทบจาก dilution และราคาหุ้นเมื่อวานลดลง 20% ไม่สมเหตุสมผล คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท

ด้านฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า บริษัทเตรียม Spin-off WHAID เข้า IPO เบื้องต้นคาดว่าจะส่งไฟลิ่งให้กับทางสำนักงาน ก.ล.ต. ช่วงเมษายน และเข้าซื้อ-ขายในตลาดหุ้นช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569

จากกรณีดังกล่าว มีมุมมองเชิงลบในระยะสั้นเนื่องจากจะเกิดผลกระทบในแง่ของ Dilution Effect แต่มีมุมมองบวกในระยะยาว เนื่องจาก WHAID จะได้รับเงินลงทุนจาก IPO เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนในธุรกิจนิคมฯ สามารถลงทุนในหุ้น WHAID ได้โดยที่ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากธุรกิจอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ปรับประมาณการกําไรปี 2568 ลง 16% สะท้อนจากรายได้การขายสินทรัพย์เข้า REIT ที่ลดลง แต่ประเมินกำไรขั้นต้นจากการขายที่ดินสูงขึ้น สะท้อนจากราคาขายที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงอัตราภาษีที่สูงขึ้น โดยประเมินราคาเหมาะสมอิง P/E ที่ระดับ 15.7 เท่า ที่ 4.80 บาท ให้น้ําหนักการลงทุน “Neutral”


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ