ตลาดขนมขบเคี้ยวในไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมจะชะลอตัวไปบ้าง โดยมูลค่าตลาดอาจมีอัตราการเติบโตชะลอตัวลงจากปีก่อน ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นประเด็นสำคัญที่จะมีผลต่อการเติบโต
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ยอดขายขนมขบเคี้ยวไทยในปี 2568 อยู่ที่ 5.04 หมื่นล้านบาท คาดขยายตัว 2% ชะลอลงจากปี 2567 ที่โต 6% เนื่องจากเผชิญปัจจัยบวกที่แผ่วลงจากปี 2567 ตามภาคการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตช้า ส่งผลต่อการบริโภคขนมขบเคี้ยวในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวและสังสรรค์ให้เพิ่มขึ้นไม่มาก
ขณะที่ต้นทุนการผลิตหลักอย่างราคาวัตถุดิบในบางรายการสำคัญมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ตลาดขนมขบเคี้ยวไทยแบ่งเป็น 3 กลุ่มตามยอดขาย คือ กลุ่มขนมขบเคี้ยวรสเค็มหรือเผ็ด ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายมากที่สุดราว 51% ตามมาด้วยกลุ่มขนมปังกรอบและบิสกิต 36% และกลุ่มขนมที่มาจากสาหร่าย/เนื้อสัตว์/ธัญพืช 13%
ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CHAO ประเมินว่า ตลาดขนมในไทยจะยังโตต่อเนื่อง ประเมินมูลค่าตลาดขนมขบเคี้ยวมีมูลค่าตลาดประมาณ 1 แสนล้านบาท เติบโต 5-6% ต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาในช่วง 2 เดือนแรกในปีนี้แม้ว่าตลาดภาพจะดูชะลอตัว แต่เจ้าสัวยังเติบโตได้
“ตลาดขนมขบเคี้ยวจากที่เราคุยกับเพื่อนๆ มีการชะลอตัวไปบ้าง แต่สำหรับเจ้าสัวยอดขาย 2 เดือนแรกยังเติบโตได้ ส่วนภาษีความเค็ม เราเตรียมพร้อมรับมือเรื่องนี้ไว้แล้ว”
สำหรับแผนการเติบโตในอนาคต เราวางแผนผลักดันยอดขายในปี 2570 ให้มีรายได้ 2,200 ล้านบาท หรือมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 12 - 15% สิ่งสำคัญคือ สร้างภาพจำให้กับผู้บริโภคว่า ข้าวตัง หมูแผ่น ไม่ใช่อาหารมื้อหลัก เป็นขนมที่ทานได้ตลอดเวลา กางแผนบุกจีน สหรัฐฯ
โดยแผนการขยายตลาดในประเทศ จะเน้นการเข้าถึงร้านค้าผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งโมเดิร์นเทรดที่มีสัดส่วนยอดขาย 40% รวมถึงร้านค้าดั้งเดิมที่มีสัดส่วน 24% โดยจะหาช่องทางการเข้าถึงร้านค้าใหม่ๆ จากปัจจุบันที่เข้าถึงร้านค้า 3 หมื่นแห่ง จากทั่วประเทศที่มีร้านค้าถึง 3 แสนแห่ง ต้องสร้างช่องทางให้เพิ่มขึ้น
รวมถึงผลักดันยอดขายในต่างประเทศ ทั้งตลาดสหรัฐฯ และจีนให้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 25% โดยจะผลักดันให้มีสัดส่วนยอดขายเป็น 35% ภายในปี 2571 โดยตลาดสหรัฐฯ และแคนาดา ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น และนำสินค้าของบริษัทไปวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย
ส่วนการทำตลาดในจีน จะเน้นขยายช่องทางผู้จัดจำหน่ายและผู้ค้าปลีก และเน้นการสร้างแบรนด์สินค้า ถ้าสร้างความแข็งแกร่ง ผู้บริโภคเชื่อมั่น ส่วนผลกระทบจากสงครามการค้าจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะสินค้าด้านอาหารไม่ใช่ประเด็นที่จะถูกนำขึ้นมาสร้างความขัดแย้ง
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney