ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงความคืบหน้ามาตรการกำกับดูแลการซื้อขาย โดยได้ทบทวนการปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้สอดรับกับภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบในแนวทางการปรับปรุงมาตรการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์ และมาตรการกำกับพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม ดังนี้
1. มาตรการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์
1.1 มาตรการ Uptick - มีแนวทางกำหนดให้ Short Sale ได้เฉพาะหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET100 และมีราคาลดลงจากราคาปิดของวันก่อนหน้าถึงระดับที่กำหนด (เช่น x%) จะต้อง Short Sale ด้วยเกณฑ์ Uptick ในวันทำการถัดไป (กรณีอื่นใช้เกณฑ์ Zero-plus Tick)
1.2 มาตรการ Dynamic Price Band สำหรับหุ้น - ชะลอการเริ่มดำเนินการเฟส 2 (จากเดิมจะประกาศใช้ภายในปีนี้) เพื่อติดตามและรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประเมินผลมาตรการต่อไป
2. มาตรการกำกับพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม
2.1 มาตรการกำกับดูแลโปรแกรมซื้อขายความถี่สูง (HFT) - ดำเนินมาตรการต่อไป แต่จะจำกัดให้ผู้ลงทุนกลุ่ม HFT ซื้อขายได้เฉพาะในหลักทรัพย์กลุ่ม SET100 เท่านั้น
2.2 มาตรการ Minimum Resting Time - ยกเลิกมาตรการ
อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าว จะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง (เฮียริ่ง) ก่อนเสนอไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอความเห็นชอบและแก้หลักเกณฑ์ต่อไป
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะมีความชัดเจนใน 3-4 เดือน หากผู้มีส่วนได้เสียเห็นด้วยในแนวทางดังกล่าว จะสามารถประกาศใช้ได้ภายในไตรมาส 2/68
อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการทบทวนมาตรการต่างๆ ให้สอดรับกับภาวะตลาดหุ้นปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ที่ประชุมบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เห็นชอบแนวทางกำกับดูแลซื้อขาย โดยมีเป้าหมายในการเน้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และสร้างเสถียรภาพให้ตลาดทุน
ด้าน รองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมายและวินัย หัวหน้ากลุ่มงานบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร กล่าวว่า แนวทางในการปรับปรุงเกณฑ์ครั้งนี้ เพื่อต้องการดึงความเชื่อมั่นกลับมา และสร้างเสถียรภาพ ซึ่งมีความพยายามปรับแก้มุมมองแบบองค์รวม (Holistic View) โดยการนำมาตรการที่มีต่างๆ มาทบทวน
ซึ่งแนวทางดังกล่าว จะดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2569 และคาดว่าจะไม่มีมาตรการใหม่ๆ เพิ่มเติมแล้วหลังจากนี้ เพื่อยกระดับความเชื่อมั่น และสร้างความชัดเจนให้กับผู้ลงทุน
อัสสเดช กล่าวว่า การปรับเกณฑ์บังคับใช้มาตรการ Uptick Rules นั้น เพื่อต้องการรักษาสมดุลของตลาดหุ้นไทยให้เหมาะสมกับภาวะปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นขนาด จำนวนหุ้น และนักลงทุน ให้มีความน่าสนใจและมีสภาพคล่องมากขึ้น
จากแนวทางที่กำหนดให้เฉพาะหุ้นที่มีราคาลดลงจากราคาปิดของวันก่อนหน้าถึงระดับที่กำหนด “x%” จะต้อง Short Sale ด้วยเกณฑ์ Uptick ในวันทำการถัดไปนั้น มองว่าระดับที่เหมาะสมว่าจะเป็นเท่าไร จะต้องรับฟังผลเฮียริ่งจากผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศมีหลายระดับ เช่น 10-15%
ส่วนแนวทาง มาตรการกำกับดูแล HFT ให้สามารถลงทุนได้เฉพาะ SET100 นั้น ผู้จัดการ ตลท. ชี้ให้เห็นว่า การเจาะจงเฉพาะ SET100 จะช่วยให้หุ้นมีสภาพคล่องสูงขึ้น ขณะเดียวกัน หากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ และได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่หลากหลาย จะได้รับผลกระทบจาก HFT ไม่มากนัก
แต่หากเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อย หากมีซื้อขายที่หมุนเวียนเร็ว จะทำให้สภาพของราคาหลุดไปจากพื้นฐานได้รวดเร็ว ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มลดความสนใจ ลดความเชื่อมั่น ในการลงทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าว
“เราอยากตีกรอบให้นักลงทุนชนิด HFT ลงทุนได้ในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง มีนักลงทุนหลากหลายเข้าไปให้ความสนใจ ส่วนหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อย กำลังเติบโต อยากให้กลุ่มนักลงทุนที่มีการวิเคราะห์การลงทุน เข้าไปสนับสนุนการลงทุนมากขึ้น”
ส่วนการยกเลิกมาตรการ Minimum Resting Time เป็นการสร้างความสมดุลระหว่างนักลงทุน HFT หลังมีการตีกรอบในหุ้น SET100 แล้ว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการติดตามอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการวางคำสั่งซื้อขายหลอก (Spoofing) ซึ่งปัจจุบันระบบการกำกับดูแลการซื้อขาย สามารถตรวจจับการกระทำในลักษณะดังกล่าวได้
อัสสเดช กล่าวทิ้งท้ายว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความตั้งใจ และให้ความสำคัญในการดูแลนักลงทุนทุกกลุ่ม ดังนั้น การพิจารณาปรับปรุงหรือออกมาตรการต่างๆ ต้องพยายามสร้างความสมดุลและสร้างความเชื่อมั่น พร้อมย้ำถึงการพิจารณาจากภาพรวมและองค์ประกอบทั้งหมด ว่าสิ่งใดเหมาะสมกับภาวะตลาดหุ้นไทย
รู้จักมาตรการตลาดหลักทรัพย์
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney