หุ้นดังขวัญใจนักลงทุน ราคาร่วงหนัก ต่ำ IPO พื้นฐานเปลี่ยน หรือ ตลาดพัง?

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ้นดังขวัญใจนักลงทุน ราคาร่วงหนัก ต่ำ IPO พื้นฐานเปลี่ยน หรือ ตลาดพัง?

Date Time: 16 ก.พ. 2568 11:33 น.

Video

"CINDY CHAO The Art Jewel" สองทศวรรษอัญมณีศิลป์ | Brand Story Exclusive EP.4

Summary

  • หลายหุ้นชื่อดัง ที่เข้าไอพีโอและสร้างสีสันให้กับตลาด เมื่อเวลาผ่านไป ราคาหุ้นเหล่านี้กลับปรับตัวต่ำกว่าราคาเสนอขายครั้งแรก ไขคำตอบ พื้นฐานเปลี่ยน หรือ ตลาดพัง?

Latest


เป็นที่น่าจับตาอย่างมาก เมื่อหลายหลักทรัพย์ชื่อดังที่เข้าตลาดหุ้นและสร้างสีสันให้กับตลาด เมื่อเวลาผ่านไป ราคาหุ้นเหล่านี้กลับปรับตัวต่ำกว่าราคาเสนอขายครั้งแรก หรือ IPO เช่น 

M หรือ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ราคาจองซื้อที่ 49 บาท ล่าสุด 14 ก.พ. ราคาอยู่ที่ 18.60 บาท ปรับตัวลดลง 62.04%

OSP หรือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ราคาจองซื้อที่ 25 บาท ล่าสุด 14 ก.พ.ราคาอยู่ที่ 14.60 บาท ปรับตัวลดลง 41.60%

OKJ หรือ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) ราคาจองซื้อที่ 6.70 บาท ล่าสุด 14 ก.พ.ราคาอยู่ที่ 9.35 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 39.55%

CHAO หรือ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ราคาจองซื้อที่ 11.80 บาท ล่าสุด 14 ก.พ.ราคาอยู่ที่ 5.55 บาท ปรับตัวลดลง 52.97%

OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ราคาจองซื้อที่ 18 บาท ล่าสุด 14 ก.พ.ราคาอยู่ที่ 12.40 บาท ปรับตัวลดลง 31.11%

ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงนั้น ทำให้เกิดคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นเหล่านี้ที่นักลงทุนชื่นชอบ แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลดลงต่ำกว่า IPO อย่างรุนแรง และในหุ้นบางตัวที่พึ่งเข้าระดมทุนนั้น เกิดจากภาวะของหุ้นไอพีโอ หรือภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงรุนแรงหรือไม่ 

พื้นฐานเปลี่ยน ราคาหุ้นร่วง

ณัฐชาติ เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ประเด็นหุ้นชื่อดัง อย่าง OSP หรือ M นั้น มองว่าอาจเกิดจากปัจจัยพื้นฐานมากกว่า เพราะทั้งสองหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐาน

OSP กำลังเผชิญกับสงครามราคาที่รุนแรง สร้างแรงกดดันให้กับผลประกอบการ ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา ส่วน M หรือ เอ็มเค สุกี้ เผชิญกับคู่แข่งใหม่ที่เข้ามากดดัน ทำให้กำไรลดลง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตามพื้นฐานของบริษัท

เมื่อพื้นฐานเปลี่ยนไป ย่อมส่งผลกระทบกับราคาหุ้นให้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ดังนั้น หลังการระดมทุน นักลงทุนต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานว่ายังคงดีอยู่หรือไม่

รายย่อยหาย ไอพีโอเหงา

ทิศทางของหุ้น IPO ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าผลตอบแทนจากการเข้าเทรดไม่ดีนัก ราคาปรับตัวลดลงจากราคาจองซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลสำคัญมาจาก มูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนรายบุคคลที่หายไป ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้มักเน้นเก็งกำไรและสร้างสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้น

“ไอพีโอระยะหลังไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีเหมือนกับ 4-5 ปีก่อน ที่สามารถทำกำไรได้ดี ทั้งนี้ หากพิจารณาตามตรง การปรับเพิ่มขึ้นที่น้อยลงเกิดจากการที่นักลงทุนรายบุคคลหายไป”

ปัจจุบัน สัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายบุคคล ลดลงอย่างมาก จาก 40-50% ของมูลค่าการซื้อขายในอดีต เหลือเพียง 20-30% เท่านั้น เมื่อนักลงทุนรายบุคคลหายไป ความคึกคักในตลาดหุ้นก็ลดลง แรงเก็งกำไรลดลง ส่งผลโดยตรงต่อหุ้น IPO

แม้ว่าที่ผ่านมา ราคาหุ้น IPO จะสมเหตุสมผลมากขึ้น ระดับราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ต่ำกว่าช่วงก่อน แต่ราคาหุ้นกลับไม่ตอบรับและมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

อนาคตของ IPO หุ้นเล็กอาจเหนื่อย หุ้นใหญ่ยังไปรอด

อย่างไรก็ตาม ทิศทางของหุ้น IPO ในอนาคต มองว่าหุ้น ขนาดกลางหรือเล็ก ที่มี มูลค่าหลักทรัพย์ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท จะเข้าเทรดยากขึ้น เพราะต้องอาศัยนักลงทุนรายบุคคลเป็นหลัก กลุ่มนี้จะเผชิญความยากลำบากในการกระจายหุ้น เนื่องจากนักลงทุนสถาบันมักไม่เข้าจองหุ้นกลุ่มนี้

ส่วน หุ้นที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ยังคงไม่มีปัญหา เพราะนักลงทุนสถาบันยังสามารถเข้าถือหุ้น IPO ได้ แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือ จะมีซัพพลายของหุ้นเข้าตลาดเพิ่มขึ้นหรือไม่

 

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ