เฟสแรก เฝ้าระวัง! 10 ล้านบัญชี โมบายแบงก์ ชื่อไม่ตรงซิม

Experts pool

Columnist

Tag

เฟสแรก เฝ้าระวัง! 10 ล้านบัญชี โมบายแบงก์ ชื่อไม่ตรงซิม

Date Time: 25 ต.ค. 2567 19:07 น.

Video

โมเดลธุรกิจ Onlyfans ทำไมถึงมีแต่ได้กับได้ ? บริษัทมั่งคั่ง คนทำก็รวย | Digital Frontiers

Summary

  • มาตรการคัดกรองผู้ใช้งานโมบายแบงกิ้ง ที่กำหนดให้เจ้าของเบอร์มือถือที่เป็นผู้จดทะเบียนซิมจะต้องเป็นชื่อเดียวกับเจ้าของบัญชีโมบายแบงกิ้งที่ใช้ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ หรือที่เรียกว่ามาตรการ Cleansing Mobile Banking จำนวน 120.3 ล้านบัญชี ล่าสุดพบว่ามีกลุ่มที่หมายเลขบัตรประชาชนตรงกับเบอร์มือถือและบัญชีโมบายแบงกิ้ง 70 ล้านบัญชี ซึ่งกลุ่มนี้จะได้ใช้งานต่อไปโดยไม่มีปัญหา, กลุ่มหมายเลขบัตรประชาชนไม่ตรงกับเบอร์มือถือและบัญชีโมบายแบงกิ้ง 28.6 ล้านบัญชี และสุดท้าย กลุ่มที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากไม่พบฐานข้อมูล 21.7 ล้านบัญชี

Latest


ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2567 ที่มี ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธาน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มีข้อสรุปผลดำเนินการและมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หลากหลายเรื่องราวน่าสนใจ

มีการสรุปตัวเลขมูลค่าความเสียหายในเดือน ก.ย. 2567 จากคดีออนไลน์ ลดลงเหลือ 1,974 ล้านบาท หรือ 44% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยความเสียหายต่อเดือนตั้งแต่เดือน ม.ค. - มิ.ย. 2567 ที่เฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 3,514 ล้านบาท

เมื่อไล่เรียงผลการปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ในเดือน ก.ย. 2567 จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบการจับกุมคดีออนไลน์ทุกประเภท คดีเว็บพนันออนไลน์ และคดีซิมผี บัญชีม้า เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค. 2567 เฉลี่ยเท่าตัว สมกับที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วนเอาไว้

เช่นเดียวกับการไล่ปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมายและเว็บพนันของกระทรวงดีอี ในระยะ 12 เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566 – 30 ก.ย. 2567

  • ปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ/URLs ผิดกฎหมายโดยรวมทุกประเภท จำนวน 150,425 รายการ เพิ่มขึ้น 8.51 เท่าจากช่วงเดียวกันของปี 2566
  • ปิดกั้นเพจ/URLs ที่เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ จำนวน 62,213 รายการ เพิ่มขึ้น 30.22 เท่า
  • ปิดกั้นไลน์ (Line ID) ที่เกี่ยวข้องกับการพนัน จำนวน 2,898 รายการ

ส่วนการระงับบัญชีม้า ตัดตอนการโอนเงินของมิจฉาชีพ ผลการดำเนินงานถึงวันที่ 17 ต.ค. 2567 มีการระงับบัญชีม้าไปแล้วกว่า 1,100,000 บัญชี แบ่งเป็น

  • ปปง. ปิดไป 559,843 บัญชี
  • ธนาคารปิด 300,000 บัญชี
  • ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC 1441) ระงับ 324,192 บัญชี

เหตุที่ธนาคารระงับได้น้อยที่สุด เพราะต้องใช้ความรอบคอบ ตรวจสอบบัญชีม้าตามเกณฑ์ที่กำหนด เนื่องจากเป็นการระงับบัญชีลูกค้าที่เปิดใช้บริการอยู่ ขณะที่ปปง.และ AOC เป็นหน่วยงานภาครัฐมีอำนาจตามกฎหมาย

การเร่งกวาดล้างจับกุม ทำให้ค่าจ้างเปิดบัญชีม้าพุ่งสูงขึ้นเป็นบัญชีละ 20,000 บาทขึ้นไป จากที่เคยได้ค่าจ้างบัญชีละหลักร้อยหลักพัน (จากการเปิดเผยของพล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง.)

เมื่อค่าหัวนอมินีเปิดบัญชีม้าแพงขึ้นลิบลิ่ว คนร้ายจึงหันมาใช้วิธีจดทะเบียนนิติบุคคล แล้วเอาหลักฐานการเปิดบริษัทไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้ทำผิดกฎหมาย เพราะการเปิดบริษัทยุคนี้ทำได้สะดวก ง่ายดายขึ้น ชำระค่าธรรมเนียมและอื่นๆ รวมประมาณ 6,000 บาท ก็เปิดบริษัทได้แล้ว กระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งเพิ่มมาตรการ ตรวจสอบกรรมการที่มีชื่อในนิติบุคคลว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหรือไม่

ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาซิมผีและซิมผีที่ผูกกับบัญชีโมบายแบงกิ้ง ผลดำเนินงานถึง 15 ต.ค. 2567 สำนักงานกสทช. และค่ายมือถือระงับซิมผีแล้ว 2.7 ล้านเลขหมาย, ตรวจสอบหมายเลขโทรออกเกินวันละ 100 ครั้ง จำนวน 101,117 เลขหมาย พบมายืนยันตัวตน 418 เลขหมาย ไม่มายืนยันตัวตน 100,699 เลขหมาย ซึ่งจะถูกระงับบริการต่อไป

ด้านมาตรการคัดกรองผู้ใช้งานโมบายแบงกิ้ง ที่กำหนดให้เจ้าของเบอร์มือถือที่เป็นผู้จดทะเบียนซิมจะต้องเป็นชื่อเดียวกับเจ้าของบัญชีโมบายแบงกิ้งที่ใช้ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ หรือที่เรียกว่ามาตรการ Cleansing Mobile Banking จำนวน 120.3 ล้านบัญชี

ล่าสุดพบว่ามีกลุ่มที่หมายเลขบัตรประชาชนตรงกับเบอร์มือถือและบัญชีโมบายแบงกิ้ง 70 ล้านบัญชี คิดเป็น 58% ซึ่งกลุ่มนี้จะได้ใช้งานต่อไปโดยไม่มีปัญหา, กลุ่มหมายเลขบัตรประชาชนไม่ตรงกับเบอร์มือถือและบัญชีโมบายแบงกิ้ง 28.6 ล้านบัญชี สัดส่วน 24% และสุดท้าย กลุ่มที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากไม่พบฐานข้อมูล 21.7 ล้านบัญชี คิดเป็น 18%

โดยกลุ่มที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะไม่พบฐานข้อมูล 21.7 ล้านบัญชีนั้น กสทช.ได้ส่งชื่อทั้งหมดไปให้ค่ายมือถือตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากการส่งรายชื่อให้ค่ายมือถือรอบแรก เป็นการส่งตามฐานข้อมูลที่กสทช.มี ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยน เช่น ลูกค้าใช้บริการคงสิทธิเลขหมาย คือใช้เลขหมายเดิมแต่เปลี่ยนค่ายผู้ให้บริการ ทำให้ฐานข้อมูลที่กสทช.มีไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงส่งข้อมูล 21.7 ล้านบัญชีดังกล่าวให้ค่ายมือถือตรวจสอบอีกครั้ง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนต.ค. 2567

ส่วนกลุ่มหมายเลขบัตรประชาชนไม่ตรงกับเบอร์มือถือและบัญชีโมบายแบงกิ้ง 28.6 ล้านบัญชี ซึ่งกลุ่มนี้เสี่ยงต่อการถูกระงับใช้งานในอนาคต หากไม่มีการแก้ไขนั้น

ได้รับการเปิดเผยจากพล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง.ว่า เฟสแรกคาดว่าจะโฟกัสบัญชีโมบายแบงกิ้งที่เปิดหลังวันที่ 1 ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่บัญชีม้าเริ่มระบาดก่อน ประเมินว่ามีประมาณ 10 ล้านบัญชี และบัญชีคนต่างด้าวอีกราว 500,000 บัญชี กลุ่มนี้จะถูกเพ่งเล็งอันดับแรก หากไม่มีการเปลี่ยนชื่อเจ้าของเบอร์มือถือให้ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชี อาจถูกแทงให้เป็นบัญชีต้องสงสัย

แม้ยังมีความพัลวันพัลเกของข้อมูลมหาศาลที่ต้องตรวจสอบ แต่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดีอี ยืนยันเดินหน้ามาตรการ Cleansing Mobile Banking แบบไม่มียูเทิร์น ระหว่างนี้สุจริตชนที่มีชื่อจดทะเบียนซิมมือถือไม่ตรงกับชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งที่ผูกติดกับเบอร์ดังกล่าว สามารถดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องตรงกันได้ ทั้งที่สาขาธนาคารและศูนย์บริการมือถือที่เป็นลูกค้าอยู่

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี" ได้ที่ 
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

ศุภิกา ยิ้มละมัย

ศุภิกา ยิ้มละมัย
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ