ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 : 4 วินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติด้านความซื่อสัตย์สุจริต ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีเสนอแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย
แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะแก้เกม โดยเร่งขอเปิดสภาฯ เพื่อโหวตเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็น “แพทองธาร ชินวัตร” แต่กระบวนการต่าง ๆ ในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเป็นรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศยังต้องใช้เวลา และยังต้องลุ้นว่าจะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญหรือไม่ อย่างไร
และจะส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าเศรษฐกิจให้สะดุด ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังเผชิญความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอีกมากมาย ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เผชิญภาวะถดถอย การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความตึงเครียดในหลายภูมิภาค
รวมทั้งเศรษฐกิจภายในของไทยที่ยังลูกผีลูกคน ที่ต้องเร่งระดมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ ขณะที่ล่าสุดมีกระแสออกมาชัดเจนว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต ที่ว่าจะเป็นตัวเข้ามาสร้างพลังในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภค ให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาจถูกล้มเลิก!! ภายใต้รัฐบาลใหม่ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร”
ทุกอย่างล้วนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศและความเชื่อมั่นของการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซ้ำเติมภาวะตลาดหุ้นที่ปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้ว
โดยจากข้อมูล 7 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,162 ล้านบาท ลดลง 22.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 117,559 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ล่าสุดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เราต้องเสียเวลาเป็นเดือนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ อาจกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว และอาจกระทบต่อการจัดทำงบประมาณปี 2568 ให้เกิดความล่าช้า
นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลใหม่ด้วยว่า จะสานต่อนโยบายของรัฐบาลเดิม หรือยกเลิก หรือปรับเปลี่ยนใหม่
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น แม้แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังคงเป็นพรรคเพื่อไทย ดังนั้นนโยบายหลักของรัฐบาลเดิมน่าจะเพียงเกิดความ “ล่าช้า” เท่านั้นไม่ถึงขั้น “ล้มเลิก”
ทิสโก้มองตลาดหุ้นไทยได้ซึมซับความไม่แน่นอนการเมืองมาแล้วในระดับหนึ่ง (สังเกตได้จากตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางแย่กว่าหุ้นโลกราว 5-6% ใกล้เคียงกับปี 2551 ที่มีความวุ่นวายทางการเมืองในอดีต) แต่อาจยังคงมีความผันผวนต่อไปในระยะสั้น แนะนำให้ติดตามพัฒนาการทางการเมืองในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้อย่างใกล้ชิด
ก่อนหน้านี้หรือช่วงต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ทิสโก้แนะนำถือเงินสดเพิ่มขึ้นบางส่วน จากความไม่แน่นอนของผลคำตัดสินคดีทางการเมือง แต่ปัจจุบันมีความชัดเจนของคดีทางการเมืองแล้ว จึงแนะนำนักลงทุนหาจังหวะช่วงตลาดผันผวนกลับมาถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น
ติดตามข่าวสารอัปเดต อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ที่จะทำให้ "การเงินดีชีวิตดี" ล่าสุด ได้ที่นี่ https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney