ทรัมป์ จ่อยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีสินค้ามูลค่าต่ำ ปิดช่องโหว่อีคอมเมิร์ซจีน ขายตัดราคา พร้อมประกาศขึ้นภาษีศุลกากรนำร่อง 3 ประเทศแรกที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าเยอะที่สุด
เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร กำหนดให้เก็บภาษีศุลกากรอัตรา 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก รวมถึงขึ้นภาษีศุลกากรอีก 10% กับสินค้าที่มาจากจีน นอกจากนี้ยังเตรียมพิจารณายกเลิกมาตรการยกเว้นภาษี สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอนุญาตให้นำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร สร้างข้อได้เปรียบด้านราคาให้กับอีคอมเมิร์ซจีน
สหรัฐฯ กำลังเล็งมุ่งเป้าไปที่มาตรการการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำ ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่อีคอมเมิร์ซหน้าใหม่ อย่าง Temu ไปจนถึง Shein แบรนด์ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นออนไลน์ระดับโลกท่ีใช้ประโยชน์ในการขยายธุรกิจมาหลายปี ขายสินค้าตัดราคาในจำนวนมากๆ จนสามารถกินส่วนแบ่ง ในตลาดอีคอมเมิร์ซ ของสหรัฐฯ ได้สำเร็จ
ด้วยโมเดลธุรกิจที่ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้ากับผู้ผลิตได้โดยตรง เหมือนได้ราคาหน้าโรงงานไม่ต้องผ่านตัวกลางประกอบกับได้รับการยกเว้นภาษี ทำให้ทั้งสองแบรนด์มีข้อได้เปรียบด้านราคาเหนือเจ้าตลาดอย่าง Amazon.com Inc. อีกทั้งนักวิจารณ์บางส่วนยังมองว่า สินค้าจีนที่หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก นั้นทำให้ยากที่จะตรวจสอบและอาจมีสินค้าผิดกฎหมายหรืออันตรายแฝงมาด้วย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า มาตรการภาษีใหม่มีเป้าหมายที่จะหาเหตุผลมาสนับสนุน เพื่อยกเลิกการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำ(de minimis) เนื่องจากที่ผ่านมา สหรัฐฯ ต้องสูญเสียรายได้ภาษีศุลกากรมูลค่ามหาศาล และช่องโหว่จากข้อยกเว้นภาษีดังกล่าวยังเป็นอุปสรรคต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรในการตรวจจับ สารเสพติดเฟนทานิลที่ถูกลักลอบเข้ามาในสหรัฐฯ
แม้การตัดสินใจใช้นโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์จะเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์บางคนคาดไว้ แต่ Temu และ Shein ได้เตรียมแผนรับมือการขึ้นภาษีของทรัมป์ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเริ่มกระจายซัพพลายเชน ขยายเครือข่ายในสหรัฐฯ ผ่านการรวมคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อต่างๆ เป็นลอตใหญ่
“ความพยายามของ Temu ในการเพิ่มคลังสินค้าท้องถิ่น/รูปแบบกึ่งบริหารจัดการ ในช่วงปีที่ผ่านมาอาจช่วยได้” Alicia Yap นักวิเคราะห์ของ Citigroup เขียน แต่ “ภาษีศุลกากรใหม่จะยังคงมีผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตของ Temu ในปี 2025 และปีต่อๆ ไป”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องขอบเขตการยกเลิก de minimis ว่าจะครอบคลุมแค่มาตรการภาษีศุลกากรใหม่หรือมาตรการเดิมที่มีอยู่แล้ว
ด้านทนายความด้านการค้ากล่าวว่าภาษาของทรัมป์ในการปราบปรามการยกเลิก de minimis อาจนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งกับภาษีศุลกากรเดิม ที่มีต่อจีน แคนาดา และเม็กซิโก
งานวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์ที่ Nomura Holdings พบว่า การขนส่งที่มีมูลค่าต่ำ(de minimis) คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของมูลค่าการส่งออก ของจีนไปยังสหรัฐฯ
โดยปริมาณการขนส่งแบบ de minimis สหรัฐฯ อยู่ที่ 1.4 พันล้านชิ้นในปีงบประมาณ 2024 ตามข้อมูลของสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ ซึ่งจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปี 2022 ขับเคลื่อนโดยบริษัทค้าปลีกออนไลน์เจ้าใหญ่ ที่เน้นกลยุทธ์ให้ส่วนลดราคาถูกเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะ Temu และ Shein
สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 นักช้อปและบริษัท ในสหรัฐฯ นำเข้าสินค้ามูลค่าต่ำ ที่ได้รับการยกเว้นภาษีไปแล้ว ประมาณ 48,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Temu ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐฯ กลายเป็นอีคอมเมิร์ซทางเลือกแทน Amazon รวมถึงเครือร้านค้าปลีก เช่น Hobby Lobby, Party City และ Dollar Store ทั้งนี้ EMarketer คาดการณ์ว่า ในปีนี้ Temu จะมียอดขายมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม Temu ได้มีการประเมินสถานการ์ณรับมือการขึ้นภาษี ของทรัมป์ไว้ล่วงหน้า จึงได้เร่งจัดส่งสินค้าจำนวนมากไปยังสหรัฐฯ พร้อมจ่ายภาษีศุลกากร เพื่อจัดเก็บในคลังสินค้าใกล้หัวเมืองใหญ่เพื่อ ลดระยะเวลาในการจัดส่งในสหรัฐฯ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะช่วยลดผลกระทบ หากมีการยกเลิกการเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำ แต่ก็ยังคงสร้างแรงกดดัน ให้กับโมเดลธุรกิจการลดราคาของบริษัท Amit Khandelwal
ศาสตราจารย์จาก Yale University Jackson School of Global Affairs กล่าวในแถลงการณ์ทางอีเมลว่า “การจัดส่งแบบ de minimis มีความสำคัญมากกว่าสำหรับผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย และการยกเลิกข้อยกเว้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อเหล่านั้นมากขึ้น”
อ้างอิง
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney