สื่อต่างประเทศรายงานว่า The House Select Committee on China สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นำโดยสมาชิกจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ยื่นจดหมายถึง เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เรียกร้องให้มีการตรวจสอบภาคการเงินของฮ่องกงอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยระบุว่า ภาคการเงินนี้เป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจฮ่องกง และเป็นที่ตั้งของธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งของสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นกว่า 20% ของ GDP ของฮ่องกง
ในจดหมายมีประเด็นสำคัญที่น่ากังวลเกี่ยวกับบทบาทของฮ่องกง ในกิจกรรมผิดกฎหมาย ได้แก่
ย้อนกลับไปในปี 2563 อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ยกเลิกสถานะพิเศษทางการค้าที่ฮ่องกงเคยได้รับภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง คำสั่งบริหารดังกล่าวส่งผลให้ฮ่องกงสูญเสียสถานะพิเศษทางศุลกากรที่แยกออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยระงับกฎหมายปี 2535 ที่ให้สถานะพิเศษทางเศรษฐกิจแก่ฮ่องกง
นับจากนั้น บริษัทในฮ่องกงหลายสิบแห่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรจากการหลบเลี่ยงมาตรการที่กำหนดขึ้นกับรัสเซียหลังการรุกรานยูเครน รวมถึงการจัดส่งสินค้าที่ใช้ได้สองทาง เช่น เซมิคอนดักเตอร์
ทางการฮ่องกง ชี้แจงว่า ฮ่องกงไม่มีพันธะผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวจากประเทศอื่น ซึ่งรวมถึงกรณีที่เรือยอชต์หรูที่เชื่อมโยงกับมหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่ถูกสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร เข้าจอดในฮ่องกงเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ในจดหมายดังกล่าวได้มีการอ้างถึงการวิจัยที่เผยแพร่ในปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกือบ 40% ของสินค้าที่ส่งจากฮ่องกงไปรัสเซียระหว่างเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม 2566 เป็นสินค้าที่มีความสำคัญสูง และสินค้าเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้ในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร เช่น ขีปนาวุธและเครื่องบิน
สมาชิกรัฐสภาได้ขอให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังชี้แจงเกี่ยวกับ สถานะปัจจุบันของความสัมพันธ์ทางการธนาคารของอเมริกากับธนาคารในฮ่องกง ว่านโยบายของเราได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเพื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงในสถานะและท่าทีของฮ่องกง และมาตรการที่กระทรวงการคลังวางแผนที่จะนำมาใช้เพื่อจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้
ซึ่งจดหมายดังกล่าวลงนามโดยนายจอห์น มูเลนาร์ (สมาชิกพรรครีพับลิกัน) ประธานคณะกรรมาธิการ และนายราจา คริชนามูร์ธี (สมาชิกพรรคเดโมแครต) สะท้อนให้เห็นถึงการตรวจสอบที่เพิ่มขึ้นต่อฮ่องกงในบริบทของการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจสหรัฐฯ และจีน
ด้านไอแซก สโตน ฟิช ซีอีโอของ Strategy Risks บริษัทที่ปรึกษาด้านข่าวกรองธุรกิจที่เน้นเรื่องจีน กล่าวว่า แม้ว่าเยลเลนจะปฏิเสธที่จะดำเนินการตามจดหมายฉบับดังกล่าว แต่ สก็อตต์ เบสเซนต์ ที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีคลังในทีมของทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะใช้แนวทางที่แข็งกร้าวต่อจีนมากขึ้น โดยในบทสัมภาษณ์ล่าสุดได้กล่าวถึงปักกิ่งว่าเป็น “ระบอบเผด็จการ”
นอกจากนี้เขายังให้ความเห็นอีกว่า “น่าเศร้าที่แนวคิดที่ว่าฮ่องกงเป็นอิสระจากจีนนั้นกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว ... บริษัทของสหรัฐฯ จำเป็นต้องเข้าใจว่าการดำเนินงานในฮ่องกง มีแนวโน้มที่จะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้น”
อ้างอิง CNN