เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ซีอีโอบริษัทชิปยักษ์ใหญ่ที่ครองทั้งอิทธิพลในตลาดและมูลค่าตลาดที่สูงที่สุดในโลก ออกปากเตือนผู้นำโลก หลังตนเป็นหนึ่งในผู้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ต่อเนื่องถึงการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยี พร้อมชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระดับโลก ท่ามกลางความตึงเครียดที่จะเพิ่มขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กลับเข้ารับตำแหน่งในปีหน้า
ในทริปฮ่องกงครั้งนี้ หวง เดินทางเข้าร่วมพิธีรับปริญญากิตติมศักดิ์สาขาวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง (Hong Kong University of Science and Technology)
“การวิจัยแบบเปิดถือเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และอาจนำไปสู่ความร่วมมือระดับโลกเพื่อพัฒนาวิทยาการอันก้าวหน้าที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องปกป้องเอาไว้”
ขณะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวที นายหวงกล่าวยกย่องมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในฐานะผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาแบบเปิด ซึ่งช่วยยกระดับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทั่วโลก พร้อมกล่าวยกย่องจีนที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ อย่างไรก็ตามเขาได้ใช้พื้นที่นี้ในการแสดงความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
โดยเขาระบุว่า ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระดับโลกจะดำเนินต่อไปและไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ในระดับโลกได้ แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่จะกำหนดการควบคุมการส่งออกผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ขั้นสูงที่เข้มงวดยิ่งขึ้นก็ตาม พร้อมย้ำเตือนว่า การทำงานร่วมกันระดับโลกหรือการวิจัยและพัฒนาร่วมกันถือเป็นรากฐานของความก้าวหน้าทางสังคมและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
“ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในการบริหารชุดใหม่ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะรักษาสมดุลระหว่างการปฏิบัติตามกฎหมายและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พร้อมทั้งยังสนับสนุนและให้บริการลูกค้าทั่วโลกของเราต่อไป เราจะดำเนินการต่อไปและเราจะทำได้ดี”
แม้ว่า Nvidia จะผลิตชิป AI ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลกและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในเวลานี้ แต่การมีลูกค้าอย่างจีนเป็นตลาดขนาดใหญ่ ทำให้ในปีนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนเพิ่มรายละเอียดหลายประการโดยอ้างถึงภัยคุกคามทางความมั่นคงและคุมเข้ม Nvidia ในบรรดาผู้ผลิตสหรัฐฯ ที่ผลิตชิปที่ล้ำหน้าที่สุดขายชิปเหล่านั้นให้กับจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้จีนพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีได้ต่อเนื่อง ในฐานะคู่แข่งเชิงกลยุทธ์ด้านเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง
บทความที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิงข้อมูล Reuters
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -