'พาณิชย์' หารือเอกชน เล็งทำหนังสือแจงสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าไทย

'พาณิชย์' ถกเอกชน ทำคำชี้แจงสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าไทย ยันมาจากนำเข้าจำเป็น  ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มะกันลงทุนในไทย ไม่ใช่ขาดดุลเพราะไทยกีดกันการค้า จ่อ ชง 'กนศ.' พิจารณา ก่อนตอบกลับภายใน 10 พ.ค.นี้...

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชน เพื่อหารือถึงผลกระทบการค้าสหรัฐฯ และทำคำชี้แจงสาเหตุสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าไทย เพื่อตอบกลับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ว่า จะชี้แจงให้สหรัฐฯ เห็นว่า ไม่ใช่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าไทยฝ่ายเดียว แต่บางปีไทยยังขาดดุลสหรัฐฯ ด้วย

อีกทั้ง สาเหตุของการขาดดุล มาจากสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าที่จำเป็นจากไทยจำนวนมาก เพราะสหรัฐฯ ไม่ได้ผลิตเอง รวมถึงสหรัฐฯ ลงทุนในไทยในจำนวนมาก เพื่อผลิตและส่งออกกลับไปยังสหรัฐฯ และบางสินค้านำไปผลิตสินค้าแล้วส่งออกต่ออีก เช่น ยางรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งสหรัฐฯ นำเข้าจากไทยสูงมากในแต่ละปี

ส่วนกรณีที่ไทยนำเข้าจากสหรัฐฯ น้อย เป็นเพราะในปัจจุบัน ไทยไม่ได้ทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหรัฐฯ แต่ทำ FTA กับประเทศอื่นๆ ดังนั้นไทยจึงนำเข้าจากประเทศที่ทำ FTA มากกว่านำเข้าจากสหรัฐฯ เพราะอัตราภาษีถูกกว่า ซึ่งไทยได้แก้ไขปัญหานี้ด้วยการใช้แนวทางการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ (Strategic Partnership) ในการขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้การค้าการลงทุนขยายตัวได้เพิ่มขึ้น

สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่จะชี้แจงให้สหรัฐฯ ทราบ เช่น ปัญหาเรื่องแรงงาน ที่ขณะนี้การแก้ไขปัญหามีความคืบหน้าอย่างชัดเจน, ทรัพย์สินทางปัญญา ที่ไทยได้ดำเนินการจนมีความคืบหน้าในทุกเรื่อง ทั้งการปราบปรามการละเมิด การแก้ไขกฎหมาย การเข้าเป็นภาคีความตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญา และการแก้ไขปัญหาคำขอจดสิทธิบัตรล่าช้า

“กระทรวงฯ ยังจะชี้แจงให้สหรัฐฯ เห็นอีกว่า ไม่ควรมองไทยแค่ปัญหาดุลการค้าอย่างเดียว เพราะปัจจุบันสหรัฐฯ ได้ดุลการค้าบริการกับไทยมาก เช่น การซื้อทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ และยังได้ดุลด้านการลงทุนอีก มั่นใจว่า การชี้แจงของไทย จะทำให้สหรัฐฯ ไม่ใช่มาตรการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า และการลงทุนระหว่างกันแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม เมื่อจัดทำข้อมูลเสร็จแล้ว จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่จะประชุมวันที่ 8 พ.ค.นี้ จากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ และส่งกลับไปยังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ตามกำหนดภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ชี้แจงต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในการเปิดรับฟังความเห็นจากสาธารณะ วันที่ 18 พ.ค.นี้ด้วย

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า จะชี้ให้สหรัฐฯ เห็นว่า ภายใต้สนธิสัญญาไมตรีไทย-สหรัฐฯ ที่ร่วมลงนามกันตั้งแต่ปี 2509 นั้น ทั้ง 2 ฝ่ายให้สิทธินักลงทุนเสมือนเป็นคนในชาติอยู่แล้ว คือ ไทยให้สิทธินักลงทุนสหรัฐฯ เสมือนเป็นคนไทย ซึ่งมากกว่าให้สิทธินักลงทุนจากชาติอื่น ทำให้สหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในไทยได้เกือบทุกสาขา ยกเว้นสาขาโทรคมนาคม การขนส่ง การเงิน การจำหน่ายสินค้าเกษตร การเป็นเจ้าของที่ดิน เป็นต้น

“สหรัฐฯ ได้สิทธิประโยชน์ทำธุรกิจในไทยได้อย่างเต็มที่ และมากกว่านักลงทุนชาติอื่น มีการผลิตสินค้าเพื่อส่งกลับไปยังสหรัฐฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าที่จำเป็นต้องนำเข้า และบางสินค้าสหรัฐฯ ไม่ผลิตแล้ว ดังนั้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะขาดดุลการค้ากับไทย ไม่ใช่ขาดดุลเพราะไทยมีนโยบายกีดกันการค้า หรือเลือกปฏิบัติจนก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมทางการค้า หวังว่า สหรัฐฯ จะเข้าใจ และไม่ใช้มาตรการใดๆ กับไทย หรือหากมีการใช้จริง ก็คงจะไม่รุนแรงมากนัก”