หวังไทยไม่ตกเป็น “เบี้ยล่าง”

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

หวังไทยไม่ตกเป็น “เบี้ยล่าง”

Date Time: 6 ก.พ. 2568 06:08 น.

Summary

  • สำหรับไทย ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาลตั้ง “คณะทำงาน” หรือ “วอร์รูม” เกาะติดนโยบายทรัมป์ 2.0 โดยมีผู้แทนภาครัฐจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนที่รู้ลึก รู้จริงรวมอยู่ด้วย

Latest

KKP คาดท่องเที่ยวเริ่มอ่อนแรง สงครามการค้า ฉุด GDP โตต่ำ 2.6% ดันหนี้สาธารณะชนเพดาน 70%

ความปั่นป่วนของโลก และสงครามการค้าระลอกใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!

หลังจากวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก และแคนาดา เพิ่มขึ้นอีก 25% และจีน เพิ่มอีก 10% มีผลวันที่ 4 ก.พ.68

นำมาซึ่งทั้ง 3 ประเทศโต้กลับทันที โดยแคนาดาประกาศจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ 25% มูลค่า 107,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนเม็กซิโก จะขึ้นเช่นกัน 5-20% ขณะที่จีน จะฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐฯครั้งนี้ขัดกับกฎเกณฑ์ WTO

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปั่นป่วนเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา เพราะหลังจากผู้นำสหรัฐฯ ต่อสายคุยกับประธานาธิบดี “คลอเดีย เชนบาม” ของเม็กซิโก และนายกรัฐมนตรี “จัสติน ทรูโด” แห่งแคนาดา ได้ประกาศพักขึ้นภาษีทั้ง 2 ประเทศออกไป 1 เดือนเป็นอย่างน้อย

แต่ทั้ง 2 ประเทศต้องมีของแลกเปลี่ยน โดยแคนาดาจะทุ่มงบเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน จัดตั้งกองกำลังร่วมแคนาดา-สหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับอาชญากร ยาเสพติด และการฟอกเงิน ส่วนเม็กซิโกจะเสริมกำลังพิทักษ์ชายแดนอีก 10,000 นาย เพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำยาเสพติดเข้าสหรัฐฯ สำหรับจีนยังคงประกาศขึ้นภาษีอีก 10% เช่นเดิม และน่าจะตามมาอีกหลายระลอก

กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้นำสหรัฐฯ “เขียนเสือให้วัวกลัว” ขู่ให้ประเทศต่างๆ กลัว และเปิดโอกาสให้เจรจาต่อรองผลประโยชน์ตามสไตล์นักธุรกิจ ซึ่งก็ได้ผล ทำให้สหรัฐฯ มีความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด ฟอกเงินกับ 2 ประเทศ รวมถึงผู้อพยพได้พร้อมๆกัน

สำหรับไทย ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาลตั้ง “คณะทำงาน” หรือ “วอร์รูม” เกาะติดนโยบายทรัมป์ 2.0 โดยมีผู้แทนภาครัฐจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนที่รู้ลึก รู้จริงรวมอยู่ด้วย

เพื่อให้วางกลยุทธ์เจรจาต่อรอง รวมถึงรับมือนโยบายทรัมป์ 2.0 และแก้ปัญหาจากผลกระทบที่จะเกิดกับการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจไทย ได้อย่างทันท่วงที เพื่อลดผลกระทบด้านลบ และทำให้การส่งออกไทยในปีนี้ขยายตัวตามเป้าหมาย 2-3% จากปี 67 ที่โตได้ถึง 5.4% มูลค่าทะลุ 10.54 ล้านล้านบาท

แต่ในการเจรจาต่อรองคงต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ระหว่างสิ่งที่จะได้กับสิ่งที่จะเสีย หากต้องแลกมาด้วยการทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ เช่น นำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น ก็ต้องคำนึงผลกระทบที่จะเกิดกับเกษตรกรไทยด้วย และ “อย่า” นำเข้าสินค้าที่สหรัฐฯอยากส่งออก แต่ไทยไม่ต้องการ เช่น หมูเนื้อแดง ที่สหรัฐฯอยากให้ไทยนำเข้านานแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะสหรัฐฯใช้สารเร่งเนื้อแดงที่ไทยห้ามใช้เด็ดขาด

เกมแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แบบนี้ คนไทยมักเสียเปรียบ ก็ได้แต่หวังว่า แม้ไม่สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายแบบ Win Win ก็อย่าเสียเปรียบแบบต้องตกเป็นเบี้ยล่างเขาเลย!!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ