สรุปทิศทาง “ดอกเบี้ย” ต้นปี ธนาคารกลางประเทศใด ขึ้น-ลด ดอกเบี้ยเท่าไรแล้วบ้าง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สรุปทิศทาง “ดอกเบี้ย” ต้นปี ธนาคารกลางประเทศใด ขึ้น-ลด ดอกเบี้ยเท่าไรแล้วบ้าง

Date Time: 30 ม.ค. 2568 15:47 น.

Video

คุยกับผู้บริหาร Tinder “ไทยต้นแบบความเท่าเทียมทางเพศ”

Summary

  • การชะลอลดดอกเบี้ยของเฟดเพื่อรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินนโยบายของทรัมป์ จะส่งผลต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกในปี 2568 Thairath Money สรุปทิศทาง “ดอกเบี้ย” ต้นปี ธนาคารกลางประเทศใด ขึ้น-ลดดอกเบี้ยเท่าไรแล้วบ้าง

Latest


เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงดอกเบี้ยตามตลาดคาดที่ระดับ 4.25%-4.5% หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในการประชุมปี 2567 โดยเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า เฟดไม่เร่งรีบที่จะลดดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง และต้องการให้แน่ใจว่าเงินเฟ้อมีชะลอตัวลงอย่างแท้จริง ประกอบกับรอความชัดเจนของนโยบายทรัมป์ 2.0 เพื่อพิจารณาดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาดในปี 2568 โดยล่าสุดในการประชุมเดือน ธ.ค. 2567 เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% จากเดิมในเดือนกันยายนที่ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00%

การชะลอลดดอกเบี้ยของเฟดเพื่อรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินนโยบายของทรัมป์ จะส่งผลต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกในปี 2568 ที่เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟดตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว

Thairath Money สรุปทิศทาง “ดอกเบี้ย” ต้นปี ธนาคารกลางประเทศใด ขึ้น-ลดดอกเบี้ยเท่าไรแล้วบ้าง

1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

คงอัตราดอกเบี้ย 4.25%-4.50% การประชุมครั้งถัดไป 19 มี.ค. 2568

2. ธนาคารประชาชนจีน (PBOC)

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (Loan Prime Rate - LPR) ประเภท 1 ปีไว้ที่ 3.1% และประเภท 5 ปีที่ 3.6% ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนป้องกันเงินทุนไหลออกจากภาวะเงินฝืดในประเทศ หลังจากที่ในเดือน ธ.ค. 2567 รัฐบาลจีนประกาศว่าจะมีแนวทางผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้ยังไม่มีการกำหนดวันประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไป

3. ธนาคารกลางยุโรป (ECB)

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.00% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สี่ พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อในปีนี้ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มยูโรโซนขยายตัวเพียง 2.3% ในเดือนพ.ย. อัตราดอกเบี้ยที่สูงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนชะลอการใช้จ่ายและการลงทุน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม อุปสงค์ภายในประเทศ ท่ามกลางเศรษฐกิจยูโรโซนที่ชะลอตัวลง โดย GDP ไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 เติบโตเพียง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้การประชุมครั้งถัดไปจะมีขึ้นวันที่ 30 ม.ค. 2568

4. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี สะท้อนความเชื่อมั่นว่าการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างจะช่วยรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อให้อยู่ที่ระดับเป้าหมาย 2% โดยมีเป้าหมายที่จะปรับนโยบายการเงินสู่ระดับที่เป็นกลาง การประชุมครั้งต่อไปของ BOJ จะมีในวันที่ 18-19 มี.ค. 2568 นักวิเคราะห์คาดว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงกลางปีนี้ หากเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามที่คาดการณ์

5. ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)

คงอัตราดอกเบี้ย 2.25% การประชุมครั้งถัดไป 26 ก.พ. 2568

6. ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI)

ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.75% การประชุมครั้งถัดไป 19 ก.พ. 2568

7. ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM)

คงอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน 3.0% การประชุมครั้งถัดไป 6 มี.ค. 2568

8. ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP)

ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% การประชุมครั้งถัดไป 13 ก.พ. 2568

9. ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV)

คงอัตราดอกเบี้ย 4.50% ยังไม่กำหนดวันการประชุมครั้งถัดไป

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ