กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังคนจากฟากฝั่งรัฐบาลออกมาให้ข่าวความคืบหน้าที่จะดำเนินการในโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ให้คนไทยมีบ้าน ปักหลักสร้างใน 4 ทำเลทอง ประกอบไปด้วย พื้นที่บริเวณพหลโยธินนิคมรถไฟ กม.11 หลังตึกเอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ หลังอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พื้นที่สถานีเชียงราก พื้นที่สถานีธนบุรี และพื้นที่สถานีเชียงใหม่
ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ยังออกมาตีปี๊บสำทับถึงโครงการบ้านเพื่อคนไทยว่า “ในวันที่ 17 ม.ค.2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่บริเวณบางซื่อ กม.11 ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ทำเลทองของโครงการนำร่อง เพื่อเปิดตัวโครงการบ้านเพื่อคนไทย และพร้อมดำเนินการก่อนที่ในวันที่ 20 ม.ค.2568 จะเปิดให้ประชาชนจองสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th และวอล์กอินลงทะเบียนที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ พร้อมจัดแสดงห้องตัวอย่างโครงการบ้านให้เห็นกันจะจะด้วย
ส่วนคุณสมบัติของผู้ซื้อสิทธิกำหนดว่า จะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน มีรายได้ ณ วันลงทะเบียนไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน โดยต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท พร้อมทั้งไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
หลังได้รับสิทธิจะดำเนินการตามกระบวนการของธนาคารอาคารสงเคราะห์ต่อไป เพื่อเข้าสู่กระบวนการจับสลาก เพื่อรับสิทธิในการซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทย โดยสามารถตรวจสิทธิได้ที่ www.บ้านเพื่อคนไทย.th จากนั้นผู้ได้รับสิทธิจะแจ้งประสงค์ใช้สิทธิ เพื่อทำการตรวจสอบเกณฑ์ตามคุณสมบัติและเงื่อนไข หากไม่ผ่านเกณฑ์ถือว่าเป็นการสละสิทธิ
สำหรับรูปแบบของโครงการบ้านเพื่อคนไทย เบื้องต้นมีเป้าหมายที่จะสร้างรวม 300,000 หน่วย ใน 2 รูปแบบ คือ 1. คอนโดมิเนียมขนาด 8 ชั้น ห้องพักขนาด 30 ตารางเมตร (ตร.ม.) 1 ห้องนอน, ห้องพักขนาด 40 ตร.ม. 2 ห้องนอน, ห้องพักขนาด 45 ตร.ม. 2 ห้องนอน และห้องพักขนาด 51 ตร.ม. 2 ห้องนอน ส่วนพื้นที่บางซื่อ กม.11 จะมีการปรับการก่อสร้างจากเดิม 8 ชั้น เปลี่ยนเป็น 45 ชั้น เนื่องจากเป็นทำเลทอง มูลค่าที่ดินไร่ละ 300 ล้านบาท จึงต้องสร้างเพื่อให้คุ้มค่า 2.บ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาด 50 ตร.ม. บนที่ดิน 50 ตารางวา (ตร.ว.)
ส่วนทำไมจึงต้องเลือก 4 ทำเลทองดังกล่าว ประกอบด้วย พื้นที่บริเวณพหลโยธินนิคมรถไฟ กม.11 , พื้นที่สถานีเชียงราก, พื้นที่สถานีธนบุรี และพื้นที่สถานีเชียงใหม่นั้น
คำตอบคือใน 4 ทำเล ถือเป็นทำเลต่อยอดของการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางของกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีแผนสร้างส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดงใน กทม.และปริมณฑล เส้นทางช่วงรังสิต-ธรรมศาสตร์ ซึ่งจะรองรับบ้านเพื่อคนไทย พื้นที่พหลโยธินนิคมรถไฟ กม.11 และพื้นที่สถานีเชียงราก
ขณะที่รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา จะรองรับบ้านเพื่อคนไทย พื้นที่สถานีธนบุรี รวมถึงโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ บริเวณสถานีรถไฟในเมืองใหญ่ๆ นำร่องที่สถานีเชียงใหม่ เป้าหมายเพื่อให้คนไทยมีบ้านอยู่และพัฒนาพื้นที่ตามแนวเขตทางรถไฟให้มีมูลค่า
ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยตามแนวเขตสถานีรถไฟฟ้าของ รฟท. มีข้อดีคือที่ดินไม่ต้องเวนคืน สามารถวางรูปแบบพัฒนาได้อย่างเต็มที่ และเป็นการสร้างชุมชน ขีดเส้นไปพร้อมกับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานขนส่งมวลชนระบบราง ซึ่งนอกจากมีการพัฒนาที่คุ้มค่าแล้ว ประชาชนยังได้มีบ้านอยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้ พร้อมมีระบบขนส่งมวลชนทางรางรองรับ การเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว จากชานเมืองเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้า ทำให้ปัญหาการจราจรติดขัดหายไป ต่างจากสมัยก่อนที่การสร้างรถไฟฟ้าจะไปตามชุมชนที่เกิดขึ้นก่อน
ดังนั้น การทำระบบขนส่งมวลชนทางรางเข้าพื้นที่อาศัย ถือเป็นการตอบโจทย์คนเมืองรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกใจที่เมื่อโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” เปิดตัว ก็ได้รับเสียงตอบรับกันอย่างล้นหลาม นาทีต่อไปก็ต้องมาลุ้นกับรัฐบาลกันว่า ในเมื่อขายฝันบ้านในอากาศออกมาแล้ว บ้านตัวจริงที่ช่วยสานฝันให้คนอยากมีบ้าน พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบาย จะเป็นจริงได้เมื่อไร....
สุรางค์ อยู่แย้ม
คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม