กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือนครั้งใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 2567 ที่ 34.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมา ก่อนจะปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย
1.ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังตลาดรับรู้ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยได้โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ซึ่งจะเพิ่มระดับความรุนแรงสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐและจีน จากการเดินหน้านโยบายกำแพงภาษี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ทำให้เงินหยวนในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มอ่อนค่า ฉุด sentiment ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียอ่อนตามไปด้วย
นอกจากนี้ความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่อาจกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง อาจส่งผลให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดชะลอการลดดอกเบี้ย โดยอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าในคาดการณ์ดอกเบี้ยระยะยาว (Dot Plot) หนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อได้
2.ราคาทองคำโลกที่ปรับลดลง มาอยู่ที่ระดับ 2,600-2,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
3.เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง จากแรงเทขายสินทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติ
โดยตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย-13 พ.ย.เงินบาทอ่อนค่าไปแล้ว 7.4% มากที่สุดเป็นอันดับสอง ในภูมิภาค รองจากเงินจ๊าดพม่า ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 34.60-35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้าน Bloomberg รายงานโดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ว่า เงินบาทอ่อนค่ามากที่สุด เมื่อเทียบสกุลเงินในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนกังวล เกี่ยวกับความเป็นอิสระ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
โดยเงินบาทร่วงลงกว่า 1% แตะที่ระดับ 34.739 บาทต่อดอลลาร์ในวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.2567 หลังจากมีข่าวว่า คณะกรรมการสรรหามีมติเลือก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney