ใครโสดยกมือขึ้น! เชื่อว่าคนไทยเดินมา 100 คน อาจมีคนยกมือขึ้นมากกว่า 20 คน ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์สำคัญที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งในประเทศซีกโลกตะวันตกอย่างสหรัฐฯ ยุโรป และฟากฝั่งเอเชีย
โดยทุกวันที่ 11 เดือน 11 ของทุกปี ถูกระบุให้เป็นวันคนโสดสากล (Singles' Day) และหากจะถามว่าปัจจุบันทั้งโลกมี “คนโสด” มากแค่ไหน? ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ เผยว่า เมื่อปี 2023 มีจำนวนคนโสดทั่วโลกมากถึง 2.12 พันล้านคน ราว 27% หรือเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด ขณะอีก 6 ปีข้างหน้า (ปี 2029) โลกจะเต็มไปด้วยคนโสดสัดส่วนสูงมากกว่า 35%
เจาะสถานการณ์ครองโสดในประเทศไทย ข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2566 พบว่า 1 ใน 5 ของคนไทยเป็นคนโสด สัดส่วนอยู่ที่ 23.9% ต่อประชากรคนไทยทั้งหมด และหากพิจารณาเฉพาะช่วงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 15 – 49 ปี พบว่ามีคนโสดสูงถึง 40.5% ไม่นับรวมกลุ่มคนที่แต่งงานแล้วหย่าร้างภายหลัง
ก่อเกิดกลุ่มผู้บริโภคหลักในระบบเศรษฐกิจ และกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจตามมา อย่างกลุ่ม “SINK (Single Income, No Kids) หรือคนโสดที่มีรายได้และไม่มีลูก” โดยกลุ่มนี้เน้นใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มความสุขให้ตนเองเป็นหลัก อาทิ การท่องเที่ยว สุขภาพ/ความงาม ที่อยู่อาศัย
หรือกลุ่ม “PANK (Professional Aunt, No Kids) กลุ่มผู้หญิงโสดอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้/อาชีพการงานดีและไม่มีลูก” ซึ่งเน้นไปที่การดูแลหลาน/เด็กในครอบครัวรอบตัว จากข้อมูล SES ปี 2566 พบว่าคนโสด PANK มีจำนวนทั้งหมด 2.8 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ดีและจบการศึกษาสูงแทบทั้งสิ้น
รวมไปถึงกลุ่ม “Waithood” กลุ่มคนโสดที่เลือกจะรอคอยการมีความรักต่อไป ที่อยู่ระหว่างสร้างความมั่นคงทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทรนด์คนโสดจะกลายเป็นหนึ่งในวิกฤติด้านโครงสร้างสังคมและประชากรศาสตร์ ที่หลายประเทศกำลังเป็นกังวล รวมถึงไทยด้วยนั้น แต่ในอีกนัยหนึ่ง สังคมตัวคนเดียว และเศรษฐกิจคนโสด (Solo economy) ก็กำลังนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าจับตามองและไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
เนื่องจากคนโสดมีกำลังซื้อสินค้าและบริการสูงมากกว่าคนกลุ่มอื่น สาเหตุเกิดจากการไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบสูงเท่ากลุ่มคนมีครอบครัว ทำให้สามารถตัดสินใจใช้จ่ายได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องปรึกษาใคร มักจะใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความชอบและความต้องการของตัวเองโดยไม่เสียดาย
ซึ่งพฤติกรรมในการใช้จ่ายของคนโสดดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้เกิด “Solo Economy” หรือเรียกว่า “เศรษฐกิจคนโสด” เป็นรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ที่เกิดจากทัศนคติและค่านิยมของคนยุคใหม่นั่นเอง
“คนโสดมีแนวโน้มปรนเปรอตัวเอง และกล้าใช้จ่ายเงินเพื่อเปย์ให้ตัวเองมากกว่าคนที่มีครอบครัวแล้ว”
ข้อมูลวิเคราะห์ของ SCB EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า ด้วยคนโสดสามารถ “สุขและสนุก” กับชีวิตได้มากกว่า มีเวลาโฟกัสกับตัวเองและได้มีโอกาสทำสิ่งที่ตัวเองรักหรือสนใจมากกว่าคนที่มีครอบครัวแล้ว
ทำให้มีเทรนด์ธุรกิจหลายอย่างเข้ามาตอบโจทย์ เช่น
ขณะเดียวกัน เทรนด์คนโสดยังมีส่วนช่วยหนุนให้ตลาดบ้านเช่า หรือ Build-To-Rent (BTR) เติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวคิดที่เป็นการสร้างบ้านเพื่อให้บรรดาเหล่าคนโสดมาเช่าอยู่ รวมกันในลักษณะชุมชน (Community)
ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในหมู่คนโสดรุ่นใหม่อย่างกลุ่ม Millennials Gen Y และ Gen Z โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ตัวอย่างเหล่านี้คือบางส่วนของโมเดลธุรกิจที่จะได้รับอานิสงส์และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นท่ามกลางจำนวนคนโสดที่กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney