“กกร.” ยื่นสมุดปกขาวแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้นายกฯ เฮลั่น! นายกฯรับปากช่วยไม่ให้ยึดรถกระบะชั่วคราว เผยอีก 1-2 สัปดาห์ได้ข้อสรุปแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ขณะที่วันนี้ (29 ต.ค.) คลัง-ธปท.นัดถกกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 68 คาดอยู่ในกรอบ 1.5-3.5% หวังให้ ธปท.มีช่องลดดอกเบี้ยนโยบายได้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และได้มอบสมุดปกขาวให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว โดยภายหลังการหารือร่วมกันนาน 1 ชั่วโมง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายผยงศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าว
โดยนายสนั่นกล่าวว่า รัฐบาลรับมาตรการที่ขอให้ช่วยเหลือ ไม่ให้ยึดรถกระบะหรือรถปิกอัพที่ขาดส่งค่างวด แม้เพียงชั่วคราว ซึ่งจะทำให้คนที่ประกอบอาชีพที่ใช้รถกระบะ ประกอบอาชีพต่อไปได้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะร่วมกับธนาคารพาณิชย์ และไฟแนนซ์ ซึ่งใช้เงินไม่มาก แต่ต้องคัดกรอง เช่น รถกระบะราคา 800,000 บาท ผ่อนแล้ว 400,000 บาท โดยนายกฯแซวว่า ธนาคารกำไรดีก็ต้องมาสนับสนุน “ส่วนการประชุม กกร.วันที่ 4 พ.ย.นี้ จะประกาศมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่รัฐและเอกชนร่วมทำกันมาตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาตรการไม่ยึดรถปิกอัพ อาจประกาศไม่ทันวันที่ 4 พ.ย.นี้”
นอกจากนี้ นายกฯยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เพื่อเป็นเวทีให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ร่วมหารือกันเกี่ยวกับข้อเสนอแนะในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ และแก้อุปสรรคต่างๆอย่างตรงประเด็น โดยจะประชุมทุกๆ 6 เดือน มีเป้าหมายทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3-5% ในอนาคตอันใกล้ “กกร.ยังเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยกระตุ้นเศรษฐกิจกลุ่มเปราะบางเป็นการเร่งด่วน รวมทั้งมาตรการคูณ 2 หรือคนละครึ่ง, มาตรการ Easy e-Receipt และมาตรการภาษีต่างๆที่จะจูงใจให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้น อยากให้ออกมาก่อนช่วงปีใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังรับไปพิจารณา”
ด้านนายผยงกล่าวว่า ใน 1-2 สัปดาห์นี้มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนทั้งระบบที่หารือกันมาตั้งแต่เดือน ต.ค.66 จะได้ข้อสรุป ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงการคลัง ธปท. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ครอบคลุมหลายส่วน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มลูกหนี้ที่กู้เงินซื้อบ้านหลังแรก กลุ่มลูกหนี้ที่ใช้รถกระบะประกอบอาชีพ กลุ่มเอสเอ็มอี โดยจะมีทั้งมาตรการลดภาระเงินต้น ลดดอกเบี้ย และจะออกมาเป็นมาตรการคู่ขนาน ทั้งเงินช่วยเหลือจากรัฐ และเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นมาตรการช่วยเหลือเบื้องต้น ที่ไม่ใช่ช่วยเหลือเพื่อให้บริโภคฟุ่มเฟือย ก่อนจะมีมาตรการระยะกลาง และยาว ออกมาช่วยเหลือเพิ่มเติมในลักษณะการเพิ่มทักษะให้ลูกหนี้ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มในระยะยาว
ส่วนนายพิชัยกล่าวว่า เดิมคาดว่า ผลกระทบจากอุทกภัยจะทำให้จีดีพีปีนี้เติบโตได้ 2.4% แต่เมื่อรัฐบาลได้กระตุ้นเศรษฐกิจโดยแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับ 14.5 ล้านคน คาดว่าจะทำให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ 2.7-2.8%
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 ต.ค.นี้ เวลา 13.30 น. กระทรวงการคลัง นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จะหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. เพื่อกำหนดกรอบเป้าหมายการบริหารเงินเฟ้อปี 68 คาดว่า คลังจะเสนอกรอบ 1.5-3.5% ขยับขึ้น 0.5% จากเดิม 1-3% โดยยังมีระยะห่างเท่าเดิมที่ 2% เพื่อให้ ธปท.มีช่องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้มากขึ้น หลังจากเสนอไปแล้ว ธปท.จะนำกลับไปพิจารณา และจะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันอีกครั้ง ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบและประกาศใช้
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่