สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เผยภาพรวมสินเชื่อบุคคลธรรมดา 8 เดือนแรก จากฐานข้อมูลสถิติ ที่ไม่มีตัวตนของเครดิตบูโร ครอบคลุมหนี้สินรายย่อยของประชาชนที่ไม่รวมลูกหนี้นิติบุคคล ซึ่งรวบรวมจากสถาบันการเงินสมาชิกเครดิตบูโรกว่า 158 แห่ง พบว่า ณ เดือนสิงหาคม มียอดสินเชื่อ 13.63 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี และไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือน
เมื่อแยกเป็นรายประเภท พบว่าสินเชื่อส่วนใหญ่มีการเติบโตชะลอลงจากเดือนก่อน โดยมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
ด้านสถานการณ์หนี้เสีย (NPL) ค้างชำระเกิน 90 วัน ณ เดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี คิดเป็นอัตราส่วน 9.7% ต่อสินเชื่อรวม โดยคาดว่ายอดหนี้เสียจะปรับสูงขึ้นแตะระดับ 1.2 ล้านล้านบาท ในไตรมาสที่สาม ตามที่ประเมินไว้เมื่อต้นปี 2567 เมื่อแยกตามประเภทสินเชื่อ มีการเติบโตดังนี้
สำหรับหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (Special Mention Loan: SM) ซึ่งเป็นหนี้ที่ค้างชำระระหว่าง 1-3 เดือน ซึ่งมีแนวโน้มจะกลายเป็นหนี้เสีย ในเดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.7% มาตรการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันหรือ DR หรือ Preemptive Debt Restructure ที่เริ่มให้มีการบันทึกข้อมูลในระบบเครดิตบูโรตั้งแต่เมษายน 2567 ตอนนี้มียอดสะสมจนถึงสิงหาคม 2567 คิดเป็นจำนวน 1 ล้านบัญชี โดยมียอดหนี้ 5.4 แสนล้านบาท “ผมก็ไม่รู้ว่าทำกันมากน้อย เพราะไม่มีตัวเลขเปรียบเทียบก่อนหน้าเดือนเมษา 2567 เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บข้อมูลนี้ มาตรการนี้เป็นเหมือนฝายทดน้ำไม่ให้ SM ไหลไปเป็น NPLs เพราะตามเกณฑ์การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ เจ้าหนี้ต้องยื่นข้อเสนอให้ลูกหนี้ถ้าเห็นว่าลูกหนี้จะผ่อนตามเงื่อนไขเดิมไม่ไหว กล่าวคือปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่จะค้างเกิน 90 วันที่กำลังมีจำนวนทวีเพิ่ม”
อย่างไรก็ตามตั้งแต่มีการประกาศใช้มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 พบว่า ลูกหนี้เริ่มร้องปัญหามาที่เครดิตบูโรหลายประเด็นดังนี้
ทำให้ท้ายที่สุดแล้วลูกหนี้บางส่วน ตัดสินใจไม่เข้าร่วมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ เพราะกังวลว่าจะถูกปฏิเสธสินเชื่อ ทั้งนี้นายสุรพล ทิ้งท้ายไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทยว่า
“โปรดลงไปพูดจาให้เกิดการปฏิบัติอย่างที่ท่านมุ่งหมายด้วยนะครับ เป้าตัวเลขที่อยากได้จากสถาบันการเงินเจ้าหนี้ กับปริมาณคำร้องที่มันเริ่มทวีมากขึ้น ท่านต้องรับด้วยนะครับ ถ้าเอาใจลูกหนี้มากก็เละ ถ้าไม่ชัดกับเจ้าหนี้มันก็ละล้าละลังกันไปทั้งขบวน สถานการณ์แบบกลับก็ไม่ได้ ไปก็ไม่ถึงถ้ายังเป็นแบบนี้ ขยันทำอยู่ผิดที่ 10 ปีก็ไม่ถึงเป้าหมายครับ”
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney