นาทีนี้หากพูดถึง “อุทกภัย” ที่ก่อให้เกิดความเสียหายจนไม่อาจประเมินมูลค่าได้นั้น คงหนีไม่พ้นสถานการณ์ “น้ำท่วม” ในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ ที่ดูเหมือนว่าจะหนักสุดเป็นประวัติการณ์
สอดคล้องกับข้อมูลหอการค้าฯ ที่มีการระบุว่าสถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างไปยัง 33 จังหวัดทั้งทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ เชียงราย พะเยา สุโขทัย หนองคาย นครพนม เมื่อประเมินมูลค่าความเสียหายแล้วรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.17% ของ GDP (ข้อมูล ณ 28 ก.ย. 67)
ซึ่งภาพรวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวมทั้งสิ้นประมาณ 3 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่การเกษตร 1,166,992 ไร่ และพื้นที่อื่นๆ 1,826,812 ไร่ ทั้งนี้ จากการประเมินพบว่า ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมถึง 24,553 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 82.3% ของความเสียหายทั้งหมด รองลงมาเป็นภาคบริการ เสียหาย 5,121 ล้านบาท ส่วนภาคอุตสาหกรรมเสียหายราว 171 ล้านบาท
สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบและมูลค่าความเสียหายมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงราย มีมูลค่าความเสียหายรวม 6,412 ล้านบาท รองลงมาคือ พะเยา 3,292 ล้านบาท สุโขทัย 3,042 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ข้อมูลของสำนักเศรษฐกิจท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังได้ระบุอีกว่า น้ำท่วมได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท กระทบยอดผู้เยี่ยมเยือนหดตัว 57,000 คน
ทำให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ต่างออกมาระดมให้การช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งออกมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤติที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเร่งทำแผนฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวหลังน้ำลด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน
เช่นเดียวกันกับ ไทยรัฐ กรุ๊ป โดย บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด ได้ผนึกกำลังกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกลุ่มพันธมิตร ที่เห็นประโยชน์ร่วมกันในการช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนกับภาคเศรษฐกิจของประเทศในด้านการท่องเที่ยว ผ่านการผลักดันแคมเปญ “เที่ยวไทย ไปกันต่อ” เพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูศักยภาพทางการท่องเที่ยวของจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ผ่านความร่วมมือระหว่างคนในชุมชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเน้นพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติกลับมาเยี่ยมชม และสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นดังเดิม
จิตสุภา วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ กล่าวถึงที่มาของแคมเปญ 'เที่ยวไทย ไปกันต่อ' ว่า ไทยรัฐ กรุ๊ป ในฐานะสำนักข่าวอันดับ 1 ได้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจอันซบเซาและสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย
แน่นอนว่า “ไทยรัฐ” ในฐานะสื่อสารมวลชนของประเทศไทย ก็ต้องการที่จะช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก และสนับสนุนชุมชน ดังนั้นจึงได้มีการพูดคุยกันภายในว่าเราต้องการที่จะทำกิจกรรมหรือแคมเปญที่สามารถช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก และชุมชนให้มีเงินไหลเวียนเพิ่มมากขึ้น
และ “การท่องเที่ยว” ก็นับเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจหนึ่งที่สำคัญมากของประเทศไทย ฉะนั้นการโฟกัสเรื่องของการท่องเที่ยวภายในประเทศ จึงเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยส่งเสริม สนับสนุนประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการต่อยอดเมืองหลัก พัฒนาเมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ที่ถือว่ามีของดี มีเสน่ห์ซ่อนอยู่อีกมาก ที่ยังไม่ได้เป็นที่ประจักษ์ของนักท่องเที่ยว
ซึ่งไปตรงกับภารกิจหลักของพันธมิตรอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่สนับสนุนเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน เพราะด้วยปัจจัยหลักๆ คือ การเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาโดยตลอด และทางด้าน ททท. เองก็ถือเป็นหัวหอกสำคัญของภาคการท่องเที่ยว จึงเป็นที่มาของแคมเปญ “เที่ยวไทยไปกันต่อ”
จิตสุภา กล่าวต่อไปว่า เมื่อเรานึกว่าอยากจะสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวให้ลึกลงไปถึงระดับชุมชนที่เป็นเมืองรอง คงจะนึกถึงใครไปไม่ได้นอกจาก ททท. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง และทาง ททท. ก็ได้มีการสนับสนุนให้คนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ในจังหวัดที่เป็นเมืองรองมาอย่างยาวนาน
ฉะนั้นการทำแคมเปญ เที่ยวไทยไปกันต่อ จึงเป็น “คู่ที่ถูกปากถูกตัว” เพราะไทยรัฐเองก็อยากจะสนับสนุนการท่องเที่ยว พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์จังหวัดเมืองรอง ซึ่งทางททท. ก็มีนโยบาย มีแคมเปญที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองรองอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงเกิดเป็นแคมเปญในครั้งนี้ขึ้นมา
“เราเริ่มทำงานกับทาง ททท. มาตั้งแต่ช่วงประมาณกลางปี และพูดคุยกันมาโดยตลอดว่าจะมีการทำแคมเปญหรือสามารถช่วยประชาสัมพันธ์ สนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวในเมืองรองได้อย่างไรบ้าง จนกระทั่งระหว่างที่มีการพูดคุยก็สถานการณ์อุทกภัย นั่นคือ น้ำท่วมใหญ่ในหลายๆ จังหวัดในประเทศไทย ฉะนั้นจังหวัดแรกที่จะไปทำคือ เชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบหนักมากหลายๆ รอบ และหลังจากนี้จะมีอีกสองจังหวัดที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนหารือว่าจะเดินทางไปสนับสนุนเมืองรองจังหวัดไหนเพิ่มเติมอีกบ้าง”
โดยโครงการนี้จะเป็นลักษณะการจัดอีเวนต์ที่น่าสนใจ ผ่านการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ของเมืองรอง ซึ่งในงานจะมีทั้งการเสวนาจากทางภาครัฐ เอกชน ตัวแทนของคนในชุมชน อินฟลูเอนเซอร์ด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งมีการออกบูธร้านค้าเพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว ได้มาเปิดร้านขายของ และได้เผยแพร่สินค้าผ่านทางสื่อของไทยรัฐทุกช่องทาง ประกอบด้วยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์
เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจให้ออกเดินทางจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสิ่งสำคัญคือ การสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และฟื้นฟูหลังเกิดอุทกภัย
จิตสุภา มองว่า ไทยรัฐในฐานะที่เป็นสื่อสารมวลชน มีแพลตฟอร์ม 3 ช่องทางใหญ่ๆ คือ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ ที่เข้าถึงคนได้ทุกเพศ ทุกวัย เราจะประชาสัมพันธ์และสื่อสารกิจกรรมดีๆ หรือข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อเผยแพร่ให้คนทั้งประเทศได้รับทราบว่าจังหวัดนั้นๆ มีของดีอะไรบ้าง พร้อมกับเชิญชวนให้คนไปสัมผัสเสน่ห์ และช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่
หากพูดกันตามตรง แคมเปญในครั้งนี้ไทยรัฐในฐานะสื่อ เราไม่สามารถระบุเป้าหมายเม็ดเงินที่จะสะพัดได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่เราต้องการจะทำคือ การถ่ายทอด ประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่กิจกรรม สินค้าที่น่าสนใจ ให้กับคนทั่วประเทศได้รับรู้ และเดินทางมายังจังหวัดเหล่านี้
“เราคาดหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้จะสามารถช่วยสร้างเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าไปที่จังหวัดหรือชุมชนนั้นๆ ได้ รวมทั้งเกิดเงินสะพัดที่ลงไปสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง เพราะการจัดงานในแต่ละพื้นที่ไทยรัฐจะมีการประชาสัมพันธ์ให้คนทั้งประเทศได้รับทราบว่า เราจะมีการจัดกิจกรรมที่พื้นที่นั้นๆ ทุกคนสามารถมาสนับสนุนและซัพพอร์ตผู้ประกอบการในพื้นที่ได้” จิตสุภา กล่าว
ส่วนแผนงานคาดว่าจะเริ่มจัดในเดือนพฤศจิกายน 2567 ไปจนถึงเดือนมกราคม 2568 โดยโลเคชั่นจะเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และเป็นจังหวัดเมืองรองใน 3 ภูมิภาคของประเทศไทย (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้) โดยที่พื้นที่แรกจะเป็นจังหวัดเชียงราย ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนจังหวัดอื่นๆ นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา ต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งเราจะอัปเดตให้ทราบในทุกช่องทางของสื่อจากไทยรัฐกรุ๊ป
ทั้งหมดนี้นับเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศ ด้วยการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยร่วมกับพันธมิตร และนำสื่อที่มีในมือเครือไทยรัฐ กรุ๊ป ประกอบด้วยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ มาสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศไทยได้อย่างแท้จริง
รวมทั้งเพื่อยืนยันว่า “ไทยรัฐ” เป็น “สื่อ” ที่ “อยู่เคียงข้างประชาชน” ในทุกๆ สถานการณ์
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney