“พราว กรุ๊ป” สนลงทุน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ต่อยอดธุรกิจโรงแรมและสวนสนุก “พสุ” เผยปีหน้าธุรกิจเผชิญปัจจัยเสี่ยง “บาทแข็ง–ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์” หวั่นฉุดจำนวนนักท่องเที่ยว พร้อมปักหมุดลุยพัฒนาขยายโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต 2–3 แห่ง รับนักท่องเที่ยวในอนาคต
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงท่องเที่ยว บริหารธุรกิจโรงแรม สวนสนุก สวนน้ำ เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อดึงดูดต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยนั้น กลุ่มพราวแสดงความสนใจที่จะร่วมลงทุนด้วย เพราะทำธุรกิจโรงแรมและบริการอยู่แล้ว และในเบื้องต้นได้มีการหารือกับนักลงทุนหลายราย เพื่อทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมการลงทุน
“กลุ่มพราวมีความสนใจลงทุนอย่างแน่นอน แต่จะเป็นรูปแบบไหนอย่างไร ต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลก่อนทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาต สถานที่ตั้ง เพราะเป็นองค์ประกอบการตัดสินใจลงทุน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลาอีกนาน เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของร่างกฎหมาย ส่วนพื้นที่เหมาะสมตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้นยังไม่มีความชัดเจนใด ได้ยินแต่เขาเล่าว่า พื้นที่จังหวัดพังงาเหมาะสม เพราะจะมีสนามบินแห่งใหม่ มีพื้นที่กว้าง แต่ก็ไม่มีให้คำตอบได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ ดังนั้นรอความชัดเจนจากรัฐบาลก่อน จึงจะตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ แต่ถามว่าสนใจหรือไม่ บอกได้แค่ว่า กลุ่มพราวสนใจ”
นายพสุ กล่าวถึงทิศทางธุรกิจโรงแรมและบริการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และแนวโน้มในปี 68 ว่า ภาคธุรกิจโรงแรมต้องเผชิญปัจจัยความเสี่ยงความผันผวนของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ตะวันออกกลาง โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทย เมื่อแลกเงินบาทได้น้อยลงทำให้ใช้จ่ายได้น้อยลง ขณะที่นักท่องเที่ยวคนไทยมีแนวโน้มเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ส่วนความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์นั้น หากขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกลดลงแน่นอน รวมถึงการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยด้วย เพราะต่างมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยและเกรงจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งดังกล่าว
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยและใช้เวลาในประเทศไทย รวมถึงใช้จ่ายสูงด้วย ได้แก่ จีน รัสเซีย อิสราเอล และอินเดีย เป็นต้น และมีแนวโน้มที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งแต่ละปีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้เวลาพักผ่อนที่จังหวัดภูเก็ตจำนวนมาก ขณะที่จังหวัดภูเก็ต ประสบปัญหาเรื่องการจราจรติดขัดและปัญหาน้ำท่วม จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย เพราะจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้ สร้างงานให้กับประเทศจำนวนมาก ควรจะจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาจังหวัดภูเก็ตให้เหมาะสมด้วย
“เชื่อว่านักธุรกิจหลายท่านจะมีความกังวลกรณีบาทแข็งค่าที่มากเกินไปและรวดเร็วมาก ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการตัดสินใจมาเที่ยวไทย เพราะนำเงินดอลลาร์มาแลกเงินบาทได้น้อย แต่เมื่อเทียบกับภูมิภาค เช่น เวียดนาม ได้เยอะกว่า อาจเบนเข็มไปเที่ยวเวียดนามแทน ซึ่งเวียดนามเป็นคู่แข่งด้านท่องเที่ยวที่น่ากลัวอีกประเทศหนึ่ง ดังนั้น ภาครัฐต้องดูแลเรื่องค่าเงินบาทให้อยู่ในอัตราเหมาะสมด้วย”
สำหรับกลุ่มพราวในปี 68 จะเน้นการพัฒนาและการลงทุนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นหลัก เพื่อรองรับทัพนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะหลั่งไหลมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีแผนที่จะขยายการลงทุนโรงแรมอีก 2-3 แห่งในจังหวัดภูเก็ตด้วย โดยมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย อิสราเอล และอินเดีย ซึ่งกรณีนักท่องเที่ยวอินเดียนั้น ได้ทำการตลาดด้วยการดึงกลุ่มถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาถ่ายทำภาพยนตร์ที่สวนน้ำของกลุ่มพราว
“จังหวัดภูเก็ตที่เติบโตและรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ผ่านมา ถือว่ากินบุญเก่าที่รัฐบาลได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไว้เยอะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนไว้ไม่เพียงพอ ดังนั้น รัฐบาลต้องหันมาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะ หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า และถ้าระบบดี ตรงเวลา ค่าโดยสารเป็นธรรม เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้หลายอย่าง ช่วยลดโลกร้อน แก้ปัญหานักท่องเที่ยวถูกเอาเปรียบจากค่าโดยสารเป็นต้น”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่