หลังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือ “ยูเออี” รับบทบาทนักลงทุนกระเป๋าหนักที่จ่ายเงินมหาศาลให้กับผู้ประกอบการเทคโนโลยีหลายรายทั่วโลก โดยเฉพาะแนวหน้าของวงการอย่าง OpenAI โดย แซม อัลท์แมน ซีอีโอ ได้กล่าวว่า ยูเออี คือ “Regulatory Sandbox” ของโลก เป็นพื้นที่แห่งการทดลองสำหรับบริษัท AI
ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศนี้จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง และยูเออีอาจกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้เล่นคนสำคัญของสนามนี้...
โดยล่าสุด นายโมฮัมเหม็ด บิน ซาเย็ด อัล นายัน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกาและเข้าพบ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อยกระดับความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์
ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงดีลใหญ่มูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากรัฐบาลยูเออีที่ได้ประกาศขยายกรอบความร่วมมือด้านเทคโนโลยี พร้อมทุ่มเงินมหาศาลให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อหา New S-Curve ให้กับประเทศ
โดยวาระการประชุมที่เปิดเผยออกมา ทั้งสองประเทศมุ่งเน้นไปที่การยกระดับโครงสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ จากเดิมที่เป็นเรื่องของความขัดแย้งในภูมิภาค การป้องกันประเทศ และการซื้อขายน้ำมัน มามุ่งไปที่ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะเรื่อง “นวัตกรรม”
“จุดประสงค์ของการเยือนครั้งนี้ ยูเออีมุ่งหาแนวการลงทุนใหม่ๆ ในอนาคตผ่านมุมมองทางเศรษฐกิจและความมั่นคง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ พลังงานหมุนเวียน อวกาศ รวมถึงปัญหาสภาพภูมิอากาศ” นายอันวาร์ การ์กาช ที่ปรึกษาการทูตอาวุโสจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงการเยือนสหรัฐฯ ในครั้งนี้
การหารือในครั้งนี้รวบรวมนักธุรกิจและผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีระดับสูงของสหรัฐฯ มาหารือร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะเกิดการลงทุนเพิ่มเติมต่อจากนี้ สอดคล้องไปกับเป้าหมายของยูเออีในการดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกมาสู่ประเทศ ขณะที่สหรัฐฯ จะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในฝั่งตะวันออกกลางได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน
นายโอมาร์ สุลต่าน อัล โอลามา รัฐมนตรีกระทรวงปัญญาประดิษฐ์ของยูเออี ยอมรับว่ามีความจำเป็นต้องปรับแนวทางและเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างสหรัฐฯ และยูเออีให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามมีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ว่า สหรัฐฯ กำลังต้องการกระชับความร่วมมือกับยูเออีมากขึ้นในเรื่องเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อคานอำนาจกับ “จีน” เนื่องจากช่วงหลายปีมานี้ยูเออีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนจากความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน โดยการเยือนจีนครั้งล่าสุด ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ประกาศว่ายูเออีเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีระยะยาวของจีน ทำให้รัฐบาลภายใต้การบริหารของนายโจ ไบเดน มีความกังวลและนำไปสู่การจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีสหรัฐฯ กับจีน
โดยล่าสุดในฝั่งของสตาร์ทอัพยูเออีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล “G42” และเพิ่งได้รับเงินลงทุนก้อนใหญ่มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจาก Microsoft ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าบริษัทได้เปลี่ยนชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์เดิมที่เป็นของจีนออกเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับบริษัทอเมริกันได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ทั้งนี้ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ โดยในปีที่ผ่านมาความร่วมมือทางการค้าแบบทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และยูเออี มีมูลค่าประมาณ 31,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของการส่งออกของสหรัฐฯ ไปยังยูเออี มีมูลค่ารวมกว่า 24,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลอ้างอิงจากสถานทูตยูเออีในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ด้านความร่วมมือด้านความมั่นคง ยูเออีเป็นพันธมิตรในด้านความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพให้กับการจัดตั้งฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ในกรุง Al Dhafra
ขณะเดียวกันยังมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งต่างๆ ทั้งในลิเบีย ซูดาน และเยเมน นอกจากนี้ ยูเออีทำหน้าที่เป็นพันธมิตรสำคัญร่วมกับสหรัฐฯ ในความขัดแย้งอัฟกานิสถานและอิรัก และเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรระดับโลกเพื่อปราบกลุ่มอัลกออิดะฮ์และกลุ่มที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งภูมิภาค
ที่ผ่านมายูเออีทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เดิมพันใน AI ซึ่งรวมถึงการพัฒนาแชทบอทภาษาอาหรับและภาษาฮินดีที่คล้ายกับ ChatGPT ของ OpenAI โดยมองว่ากระแส AI ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะสร้างโอกาสในการแข่งขันและเสริมอิทธิพลให้กับยูเออี โดยเฉพาะบทบาททางเศรษฐกิจ หลังจากที่อิทธิพลของประเทศมีแนวโน้มลดลงในเวทีหลังจากความต้องการน้ำมันที่ลดลง
ปัจจุบัน ยูเออี มีการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ Abu Dhabi Investment Authority (ADIA) ของรัฐบาล ซึ่งมีเงินทุนในการบริหารจัดการอีกกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึง Mubadala กองทุนของรัฐบาลที่มีเงินทุนภายใต้การจัดการกว่า 302,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ทุ่มเงินให้กับ Anthropic คู่แข่งของ OpenAI
โดยต้นเดือนที่ผ่านมา "MGX" บริษัทลงทุนที่เน้นลงทุนด้าน AI จากยูเออี ซึ่งก่อตั้งโดย ADIA และ Mubadala ประกาศร่วมมือกับ BlackRock, Microsoft และกลุ่ม GAIIP (Global Artificial Intelligence Infrastructure Investment Partnership) ประกาศระดมเงินทุนเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและ Data Center ที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนเวิร์กโหลดด้าน AI โดยล่าสุด MGX ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ประกาศร่วมลงทุนในการระดมทุนรอบใหม่ของ OpenAI ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -