“หนี้สาธารณะไทย” ส่อชนเพดานในปี 2570  เหตุ GDP ต่ำ เงินดิจิทัลใช้วงเงินสูง แต่กระตุ้นเศรษฐกิจต่ำ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

“หนี้สาธารณะไทย” ส่อชนเพดานในปี 2570 เหตุ GDP ต่ำ เงินดิจิทัลใช้วงเงินสูง แต่กระตุ้นเศรษฐกิจต่ำ

Date Time: 13 ก.ย. 2567 11:28 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • SCB EIC คาดการณ์ “หนี้สาธารณะไทย” ส่อชนเพดาน 70% ต่อ GDP เร็วขึ้น 1 ปี ช่วงปี 2570 เหตุแนวโน้ม GDP ต่ำ เงินดิจิทัลใช้วงเงินสูง 4.5 แสนล้าน แต่กระตุ้นเศรษฐกิจแค่ชั่วคราว สร้างข้อจำกัดทางการคลัง

Latest


ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2567 ประเทศไทยมีสถานะ “หนี้สาธารณะ” คงค้างจำนวน 11,191,589.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.23% ของ GDP ภายใต้เพดานที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 70% ต่อ GDP 

ท่ามกลางความกังวลว่าการก่อหนี้รอบใหม่เพื่อนำมาใช้ในโครงการ “เงินดิจิทัล” 10,000 บาทของรัฐบาลชุดใหม่จะทำให้คนไทยแบกหนี้ร่วมกันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและชนเพดานหนี้เร็วขึ้น ซึ่งอาจกระทบพื้นที่การคลังเพื่อรองรับความไม่แน่นอนข้างหน้าและเสถียรภาพการคลังของประเทศได้

โดยล่าสุด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ออกรายงานเศรษฐกิจไทย ประเมินข้อจำกัดภายหลังรัฐบาลใหม่ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ประกาศเดินหน้ามาตรการแจกเงิน 10,000 บาท บรรจุอยู่ในนโยบายเร่งด่วน

ว่าหากประเมินจาก พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 มีแนวโน้มจะประกาศใช้ได้ตามกำหนด ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เริ่มปีงบประมาณวันที่ 1 ต.ค. 2567 จะมีผลทำให้ข้อจำกัดในการเดินหน้าโครงการแจกเงินน้อยลง

  • ระยะที่ 1 ความคืบหน้าโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล (อ้างอิงอัปเดต ณ 9 ก.ย. 2567) ผู้ได้รับเงินจะเป็นกลุ่มเปราะบาง ผู้พิการ และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านรูปแบบการโอนเงินโดยตรงหรือผ่านแอปพลิเคชัน โดยคาดว่าไทม์ไลน์การได้รับเงินจะเกิดขึ้นภายในเดือน ก.ย. นี้ ผ่านการใช้เงินจากงบประมาณประจำปี 2567 (รวมงบเพิ่มเติม)
  • ส่วนระยะที่ 2 ผู้ลงทะเบียนที่เข้าเงื่อนไขตามเดิม รูปแบบกระเป๋าเงินดิจิทัล (แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลง) โดยกลุ่มนี้มีแนวโน้มได้รับเงินช่วง ม.ค.-มี.ค. ปี 2568 เงินงบประมาณ 290,000 ล้านบาท จากงบประมาณปี 2568

รวมวงเงินทั้ง 2 ระยะ ราว 450,000 ล้านบาท

โดย SCB EIC ประเมินว่า หากภาครัฐสามารถดำเนินโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ โดยแบ่งใช้วงเงินเป็น 2 ระยะได้ตามแผนล่าสุดนั้น จะช่วยสนับสนุน GDP ปี 2568 ราว 0.5-0.7% ภายใต้คาดการณ์ว่า ทั้งปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่ำราว 2.6% เท่านั้น

แต่อย่างไรก็ดี โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้วงเงินสูงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่เต็มที่และชั่วคราว อาจส่งผลให้หนี้สาธารณะไทยมีแนวโน้มชนเพดานในปี 2570 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดประเมินไว้ก่อนหน้าราว 1 ปี

“SCB EIC ประเมินว่าหนี้สาธารณะจะชนเพดาน 70% ของ GDP ช่วงปี 2569-2570 ซึ่งเร็วกว่าประมาณการเดิม 1 ปี ผลจากประมาณการ GDP ต่ำลง ส่งผลให้ข้อจำกัดการคลังของไทยปรับสูงขึ้น”

“จุดกลับตัวของหนี้สูงขึ้นและเลื่อนเวลาออกไป จึงมีความเสี่ยงที่อาจไม่สามารถกลับตัวได้จริง”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์