พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า เห็นศักยภาพของประเทศไทยที่จะก้าวไปสู่การเป็น “ท่าอวกาศยาน” หรือ “Spaceport” ในระดับภูมิภาค เช่นเดียวกับการเป็นศูนย์กลางการบินโลก โดยต้องเริ่มต้นจากการสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานปล่อยจรวดหรือ Rocket Launch Site เพื่อส่งดาวเทียมก่อน
ประเทศไทยมีจุดแข็งหลายเรื่อง ตั้งแต่ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส มีความเหมาะสมมาก เพราะท่าอวกาศยานควรตั้งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร (equator) มากที่สุด เพื่อใช้ประโยชน์จากความเร็วในการหมุนของโลก ช่วยให้จรวดนำส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรได้โดยใช้เชื้อเพลิงน้อยลง เป็นพื้นที่ติดทะเลที่ห่างไกลจากประชาชน สภาพอากาศแจ่มใส อุณหภูมิคงที่ ซึ่งอุตสาหกรรมการบินอากาศยาน เป็น 1 ในอุตสาหกรรมเติบโตใหม่ของไทย (New S Curve)
อำนาจหน้าที่ของ กสทช.ไม่ได้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง แต่เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีอำนาจหน้าที่ในการอนุญาตสิทธิ ในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม หากต้องการผลักดันไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นท่าอวกาศยานในระดับภูมิภาค การรักษาสิทธิวงโคจรของประเทศถือเป็นเรื่องจำเป็น นอกจากนั้นในอาเซียน ยังไม่มีประเทศไหนที่เป็นฐานยิงจรวด มีแต่ประเทศที่แสดงความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย ในอดีตการส่งจรวดเป็นสิ่งที่ถูกสงวน ไว้สำหรับรัฐบาลและทหารเท่านั้น ทำให้มีท่าอวกาศยานอยู่ไม่กี่แห่ง เช่น ที่แหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA).
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่