"คลัง" เข้มรีดภาษีอีคอมเมิร์ซทุกเม็ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างร่างหลักการการปรับประมวลรัษฎากร เพื่อให้แพลตฟอร์มที่ขายสินค้าออนไลน์ที่เป็นต่างประเทศ จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศด้วยนั้น ซึ่งเป็นไปตามมาตรการป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจฝ่าฝืนกฎหมาย ที่กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบและ ครม.ได้เร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆไปเตรียมการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วนำกลับมาเสนอ ครม.อีกครั้งในคราวต่อไป

ทั้งนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์ นอกจากจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ยังอาจต้องเข้าข่ายเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้ นิติบุคคลตามมาอีกด้วย เพราะกรมสรรพากรจะมีข้อมูลต่างๆ ของการทำธุรกรรมการซื้อขายและการประกอบกิจการของแพลตฟอร์มนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ออกประกาศจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จากสินค้านำเข้าตั้งแต่บาทแรก เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.67 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันจัดเก็บได้เดือนละ 100 ล้านบาท โดยกรมศุลกากรจะเป็นผู้จัดเก็บให้ไปพลางก่อน จนกว่ากรมสรรพากร จะจัดทำระบบการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากแพลตฟอร์มออนไลน์แล้วเสร็จ

ก่อนหน้านี้กรมสรรพากรได้เริ่มเก็บภาษี e-Service โดยแพลตฟอร์มต่างประเทศ ที่มาขึ้นทะเบียนเสียภาษีแล้ว 184 ราย จัดเก็บภาษีได้ 6,000 ล้านบาท เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการไทย และให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมากยิ่งขึ้น.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่