“รวยกระจุก จนกระจาย” ทำไม? แม้เศรษฐกิจโต แต่เราไม่รวยขึ้น

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“รวยกระจุก จนกระจาย” ทำไม? แม้เศรษฐกิจโต แต่เราไม่รวยขึ้น

Date Time: 5 ก.ย. 2567 09:50 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • “รวยกระจุก จนกระจาย” คนรายได้สูงมีไม่กี่คน แต่คนรายได้น้อยมีมาก ธปท.ตอบคำถามทางเศรษฐศาสตร์ ทำไม? แม้เศรษฐกิจไทยโตขึ้น - GDP ขยายตัว แต่เราไม่รวยขึ้นสักที

Latest


เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานเผยแพร่ความมั่งคั่งทั่วโลก ประจำปี 2567 โดยธนาคารยูบีเอส ระบุว่า จำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชีย เศรษฐกิจเกิดใหม่

พร้อมคาดการณ์ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีคนที่ถูกเรียกว่า มีความมั่งคั่งสูง (มีทรัพย์สินรวมกันเกิน 1,800 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นอีกราว 24% จากประมาณ 100,000 คน เป็นกว่า 123,500 คน ติดอันดับ 9 ที่จะมีมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก

ช่องว่าง ระหว่าง "คนรวย" กับ "คนจน" ห่างมากขึ้นเรื่อยๆ 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลธนาคารโลกคาดการณ์คู่ขนานว่า แนวโน้มความร่ำรวยดังกล่าวก็มาพร้อมกับความเหลื่อมล้ำ ช่องว่างระหว่าง “คนรวย” กับ “คนจน” ที่จะห่างมากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะประเทศไทยนั้น เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินประโยคสะท้อนความจริงที่ว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” ซึ่งหมายถึง คนที่มีรายได้สูงมีไม่กี่คน แต่คนที่มีรายได้น้อยมีมาก และรายได้ของผู้มีรายได้สูงและผู้มีรายได้น้อยก็ยังมีความแตกต่างกันมากอีกด้วย

ทฤษฎีในทางเศรษฐศาสตร์ที่พอจะตอบคำถามได้บ้างนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อธิบายว่า ภาวะดังกล่าวเกิดจากความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ (income inequality) จริงอยู่ว่า แต่ละคนมีความรู้ความสามารถและโอกาสในการหารายได้ไม่เท่ากัน

บางคนอาจจะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตจำนวนมาก ขณะที่บางคนอาจมีน้อย นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า: การที่เศรษฐกิจโตหรือรายได้ประชาชาติสูงขึ้นก็ไม่ได้หมายว่า รายได้เฉลี่ยของทุกคนจะสูงขึ้น หรือเศรษฐกิจที่ดีจะทำให้ทุกคนมีความกินดีอยู่ดีมากขึ้น

เพราะรายได้ของประเทศที่เพิ่มขึ้น อาจไปตกอยู่กับประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือเลวร้ายสุดก็เพียงบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคในการกระจายรายได้

กระจายรายได้ ภารกิจรัฐบาล 

กลายเป็นภารกิจของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยที่มีเป้าหมายร่วมกัน คือ การเพิ่มระดับรายได้หรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต้องควบคู่ไปกับเป้าหมายในการกระจายรายได้ด้วย กล่าวง่ายๆ คือ ต้องทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้น หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีรายได้สูงหรือผู้มีรายได้น้อย

ทั้งนี้ ธปท. ยังอธิบายต่ออีกว่า การดำเนินนโยบายการคลังก็มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาการกระจายรายได้ โดยผ่าน 3 วิธี คือ

  • การใช้จ่ายของรัฐบาล โดยนำเงินภาษีมาใช้จ่ายเพื่อผลประโยชน์ของผู้มีรายได้น้อย เช่น การสร้างถนนในชนบท การใช้จ่ายด้านการศึกษาและสาธารณสุข เสมือนเป็นการนำเงินจากผู้มีรายได้สูงไปช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
  • เงินโอน หรือการให้เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย (โอนให้เปล่าๆ) เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
  • การเก็บภาษีผู้มีรายได้สูงมากกว่า ซึ่งอัตราภาษีในลักษณะนี้เราเรียกว่าเป็นอัตราก้าวหน้า หรือก็คือ การเก็บภาษีในอัตราที่เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ดูเหมือนเป้าหมายของเศรษฐกิจมหภาคที่กล่าวไปข้างต้นอาจมีความขัดแย้งกัน เช่น หากต้องให้เศรษฐกิจโตโดยการกระตุ้นการบริโภค ก็อาจนำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อตามมา

โดย แท้จริงแล้ว เราสามารถผสมผสานเป้าหมายกันให้ดี เช่น ให้เศรษฐกิจโต ขณะที่ยอมให้เงินเฟ้อบ้างเล็กน้อย ก็อาจเป็นผลดี จูงใจให้มีการลงทุนขยายการผลิต เกิดการจ้างงาน ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว ก็ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีได้เช่นกัน

แต่ถ้าเรามุ่งที่เป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งมากจนเกินไป ก็จะทำให้เศรษฐกิจเสียสมดุล เช่น หากต้องการให้เศรษฐกิจโตมากๆ อย่างรวดเร็ว อาจเป็นผลดีในระยะสั้น แต่เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นกลับเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในระยะยาวได้

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ