Economics
Thailand Econ
ดีลใหญ่! “ไฮแอท” ทุ่ม 355 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าซื้อกิจการ โรงแรม Standard ที่แสนสิริถือหุ้นทั้งหมด
Date Time: 21 ส.ค. 2567 09:26 น.
“Summary“
- ดีลใหญ่ ! “ไฮแอท” กลุ่มโรงแรมระดับโลก ทุ่ม 355 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขอเข้าซื้อกิจการ Standard International ที่แสนสิริ ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมด 71% คาดปิดดีล ก.ย. 2567 ก้อนแรกทยอยจ่าย 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะผู้บริหารแสนสิริ ระบุ พร็อพเพอร์ตี้หลายแห่ง แสนสิริ ยังมีสิทธิ์ เป็นเจ้าของ เช่น The Standard, Hua Hin
เช้านี้ เกิดความเคลื่อนไหว กับ หุ้น SIRI หลังบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า Standard International Holdings ซึ่งบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 71% ได้ตกลงขายกิจการที่ถืออยู่ทั้งหมด ให้กับ Hyatt Corporation ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมแบรนด์ดังระดับโลก ในราคา 355 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดธุรกรรมดังกล่าว จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกันยายน 2567
แสนสิริ ขายหุ้น โรงแรมสแตนดาร์ด
ย้อนไป น้อยคนนักจะรู้ว่า แสนสิริ อสังหาริมทรัพย์ เบอร์ 1 ของประเทศไทย คือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Standard International เชนโรงแรม โด่งดังระดับโลก สัญชาติ อเมริกา มาตั้งแต่ช่วงปี 2560
โดยโปรเจกต์สร้างชื่อ คือ การปรับเปลี่ยน ตึกมหานคร ของกลุ่ม คิงพาวเวอร์ เป็น โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร กรุงเทพฯ (The Standard Hotel Bangkok Mahanakhon) และ เป็นเจ้าของ โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน
รวมถึงโรงแรมอื่นๆ อีก 35 แห่ง ทั่วโลก ผ่าน 3 แบรนด์หลัก คือ The Standard, Bunkhouse, The Peri Hotel มีทั้งโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว เช่น The Standard, London (เดอะ สแตนดาร์ด ลอนดอน) The Standard, High Line (เดอะ สแตนดาร์ด ไฮไลน์) ในเมืองนิวยอร์ก และโรงแรมบูติคอย่าง Hotel Saint Cecilia (โฮเทล เซนต์ เซซิเลีย) ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส รวมถึง Hotel San Cristóbal (โฮเทล ซาน คริสโตบัล) ในเมืองบาฮากาลิฟอร์เนีย ประเทศเม็กซิโก
สำหรับการเข้าซื้อหุ้น ขายกิจการที่ถืออยู่ 71% ของแสนสิริ ให้กับกลุ่ม Hyatt (ไฮเอท) “อุทัย อุทัยแสงสุข” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยที่มาที่ไป ว่า ที่ผ่านมาแสนสิริได้รับการติดต่อจากเชนโรงแรมขนาดใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง
แต่เราวิเคราะห์ว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดี เนื่องจากพิจารณาจังหวะโอกาส ปัจจัยพื้นฐาน สภาวะตลาด ตลอดจนนโยบายในการบริหารว่าสอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ที่แสนสิริกำหนดไว้ คือการสร้างการเติบโตให้กับ Standard International ได้อย่างแข็งแกร่งและมีความมั่นคงในระยะยาว
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน โอกาสทางธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ส่งผลให้แนวโน้มความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้นกลับ ถือเป็นเวลาที่เหมาะสม มีโมเมนตัมเชิงบวกต่อภาพรวมของธุรกิจ
โดยเชื่อว่า การเข้าลงทุนซื้อกิจการ Standard International ของ Hyatt ครั้งนี้ จะส่งผลดีและสร้าง value added ต่อแสนสิริเป็นอย่างมาก เนื่องจาก Hyatt มีโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งทั่วโลก โดยเฉพาะโปรแกรมสมาชิก World of Hyatt ที่ประกอบไปด้วยสิทธิพิเศษและข้อเสนอมากมาย จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พร็อพเพอร์ตี้ของแสนสิริ
แสนสิริ ยังเป็นเจ้าของพร็อพเพอร์ตี้ดัง เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน
เนื่องจากดีลซื้อขายที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ แสนสิริยังคงเป็นเจ้าของพร็อพเพอร์ตี้ ประกอบไปด้วย The Standard, Hua Hin (เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน) The Standard Residences, Hua Hin (เดอะสแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน) The Peri Hotel, Hua Hin (เดอะ เภรี โฮเต็ลหัวหิน) The Peri Hotel, Khao Yai (เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่) และเป็นเจ้าของ The Manner โรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ที่กำลังจะเปิดตัวในย่านโซโหของเมืองนิวยอร์กในเดือนกันยายน 2567 และที่สำคัญ แสนสิริยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจ Hospitality และมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ในอนาคตเช่นกัน
“ มั่นใจว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ของ Hyatt นอกจากจะสะท้อนถึงความสำเร็จในการลงทุน Standard International ของแสนสิริแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในหลากหลายด้านให้กับลูกค้าและทีมงานของ Standard International อีกด้วย”
ทั้งนี้ หลังจากที่บรรลุข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าว Hyatt จะชำระค่าตอบแทนเริ่มแรกจำนวน 150 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มเติมอีกสูงสุดไม่เกิน 185 ล้านดอลลาร์ สำหรับโรงแรมแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารโดย Hyatt
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 แสนสิริมีผลงานยอดขายที่โดดเด่นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของทางรัฐบาล ที่ทำให้ตลาดเริ่มกลับมามีสัญญาณบวก โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าทั้งปีที่ 52,000 ล้านบาท ทางด้านรายได้ ครึ่งปีแรกทำได้ร่วม 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปีที่ 43,000 บาท โตขึ้น 8% (เทียบ Year on Year) กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิเมื่อเทียบในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์ ,แสนสิริ
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
Author