ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นแรงตลอดทั้งวัน โดยบวกขึ้นไปกว่า 20 จุดก่อนมาปิดทำการที่ระดับ 1,323.38 จุด บวก 20.38 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 62,385 ล้านบาท โดยได้แรงซื้อหุ้นพื้นฐานดีขนาดใหญ่หนุน และนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 10,486.55 ล้านบาท
โดยนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ชี้ว่าการที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเป็นพรรคเดิม โควตารัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลไม่เปลี่ยน อาจมีการปรับบางตำแหน่งในบางพรรค ไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่นโยบายรัฐบาล จะมีการแถลงในเดือน ก.ย.นี้ เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะแจกเป็นเงินสดแทน ส่วนการขายหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์ 1 มูลค่า 150,000 ล้านบาท คาดว่าเดินหน้าต่อ
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ประเมินว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจปรับเปลี่ยนหรือดำเนิน มาตรการกระตุ้นการบริโภคที่จับต้องได้หรือเข้าถึงง่ายขึ้น จึงมองบวกมากขึ้นกับหุ้นกลุ่มที่อิงกับการบริโภค หากกำลังซื้อของผู้บริโภคดีขึ้นก็จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มการเงินด้วย ขณะที่ยังมองว่า หุ้นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจในประเทศก็น่าจะดีขึ้น จากความหวังต่อแนวนโยบายของ ครม.ชุดใหม่ แต่นักลงทุนควรติดตามโฉมหน้าของ รมว.กระทรวงเศรษฐกิจด้วย รวมทั้งช่วงกลางสัปดาห์มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ถึงทิศทางนโยบายการเงิน ขณะที่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 2.3% ถือว่าใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ไทยได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คาดหวังเศรษฐกิจจะเดินไปข้างหน้าต่อเนื่อง มองเป็นเชิงบวกต่อ SET INDEX โดยเห็นแรงหนุนจากการเมืองที่ค่อยๆคลี่คลายเศรษฐกิจ และกำไร บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ฟื้นตัว วันนี้คาดกรอบ 1,293-1,310 จุด ขณะที่ในแง่มุมของการเดินหน้านโยบายต่างๆ มองว่ารัฐบาลยังมุ่งเป้าไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจหลัง GDP GRWOTH ไทยเติบโตต่ำมาเป็นเวลานาน ขณะที่โครงการแจกเงิน 10,000 บาท นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า จะไม่ล้มเลิก แต่ต้องติดตามเงื่อนไขว่าจะเปลี่ยน แปลงอย่างไร ขณะที่กองทุนวายุภักษ์ใหม่ กระทรวงการคลัง ระบุว่า อาจเปิดกว้างลงทุน หุ้น SMALL & MID CAP ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีคะแนน ESG สูง
ดังนั้น ความกังวล POLITICAL UNCER TAINTY ในบ้านเราผ่อนคลายลง หลังได้นายกรัฐมนตรี ทำให้นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจเดินหน้าได้ต่อเนื่อง มองเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ คาดว่า ตลาดหุ้นมีโอกาสเดินหน้าต่อ สะท้อนได้จากสถิติในอดีต ช่วงโหวตนายกรัฐมนตรี 3 ครั้งที่ผ่านมา พบว่า ดัชนีตลาดมีการรีบาวน์ขึ้นทุกครั้ง ในวันโหวต 0.2-1.6% และปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ โดย 1 สัปดาห์ ดัชนีบวก 1.3-2.0% และค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วในช่วงข้ามคืน เป็นสัญญาณบวกว่ามีเม็ดเงินไหลเข้ามาในประเทศ บางส่วนอาจไหลเข้ามาซื้อหุ้นไทยเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่