จีดีพีไทยครึ่งปีแรกโต 1.9% สศช.เสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรับมือเทรดวอร์

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จีดีพีไทยครึ่งปีแรกโต 1.9% สศช.เสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรับมือเทรดวอร์

Date Time: 20 ส.ค. 2567 07:10 น.

Summary

  • สศช.แถลงจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 2.3% ครึ่งปีแรกขยายตัว 1.9% คาดทั้งปีโต 2.5% ชี้ลงทุนวูบ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ เตรียมชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้นายกฯใหม่รับมือ “เทรดวอร์” ส่วนดิจิทัล วอลเล็ต ถ้าไม่ทำต่อ ต้องหามาตรการอื่นมาช่วยผู้มีรายได้น้อย

Latest

5 วิชา “การเงิน การลงทุน” ต้องรู้! เป็นหนี้อย่างไร? ให้มี “เงินเก็บ” เกษียณแบบมีรายได้

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2567 ขยายตัว 2.3% เร่งขึ้นจาก 1.6% ในไตรมาสแรก และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว ไตรมาส 2 ขยายตัวจากไตรมาสแรก 0.8% รวมครึ่งแรกปี 2567 ขยายตัว 1.9% ส่วนแนวโน้มปี 2567 คาดขยายตัว 2.3-2.8% ค่ากลาง 2.5% เทียบการแถลงครั้งก่อนที่คาดขยายตัว 2-3% ค่ากลาง 2.5% เช่นกัน

“จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัวโดยได้รับอานิสงส์จากการบริโภคเอกชนที่ขยายตัว 4% การบริโภคภาครัฐขยายตัว 0.3% การส่งออกขยายตัว 1.9% และบริการ 19.8% แต่การลงทุนรวม ลดลง 6.2% ต่อเนื่องเป็นไตรมาส 3 โดยการลงทุนภาคเอกชนลดลง 6.8% ที่ลดลงมากคือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ โครงการใหม่ไม่เกิด ซึ่งหมวดนี้คิดเป็น 50% ของการลงทุน สาเหตุมาจากคนไม่มีกำลังซื้อ และธนาคารเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ คาดว่าการลงทุนเอกชนทั้งปีจะขยายตัวได้ 0.3% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่คาดขยายตัว 3.2%”

ส่วนการลงทุนภาครัฐไตรมาส 2 ลดลง 4.3% คาดว่าทั้งปีนี้จะหดตัว 0.7% โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้การเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐจะเร่งตัวขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา เพราะมีการทำสัญญาผูกพันงบรายจ่ายลงทุนไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้เบิกจ่ายงบลงทุนได้แล้วประมาณ 100,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สศช.เตรียมพิจารณาจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอรัฐบาลชุดใหม่ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณา โดยจากนี้จะนัดหารือกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า จะมีมาตรการใดบ้าง และช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจไทยท่ามกลางความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้าที่จะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจาก 2 เรื่องนี้แน่นอน ดังนั้นเมื่องบประมาณปี 2568 ออก จะต้องจัดวงเงินบางส่วนนำมาใช้รองรับผลกระทบครั้งนี้ และเตรียมมาตรการไว้รองรับด้วย

สำหรับการบริหารเศรษฐกิจในช่วงจากนี้ เพื่อรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี 2567 ให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 2.3-2.8% นั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ซึ่งการเปลี่ยน แปลงครั้งนี้น่าจะราบรื่น และน่าจะทำให้การจัดทำงบประมาณปี 2568 ออกมาได้ตรงตามระยะเวลา และเป็นแรงขับเคลื่อนการลงทุนของรัฐในช่วงที่เหลือของปีให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิ ภาพมากขึ้น รวมถึงน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วย

ขณะที่โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีหรือไม่นั้น เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ เพราะวงเงินของโครงการ โดยเฉพาะงบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท ได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว “ถ้ารัฐบาลเห็นว่าไม่ทำต่อ ก็คงต้องดูมาตรการอื่นเข้ามาเติม เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ก็คงต้องพูดคุยกัน และดูว่านายกฯและคณะรัฐมนตรีจะมีความเห็นว่าอย่างไร แต่ส่วนตัวคิดว่าคงมีมาตรการอะไรออกมาสักอย่าง เพื่อช่วยประชาชนในช่วงนี้”

ส่วนผลกระทบกับงบประมาณในกรณีที่รัฐบาลไม่เดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร ที่ผ่านมาการจัดทำงบประมาณได้เตรียมการรองรับไว้ล่วงหน้าแล้ว หากรัฐบาลไม่ทำดิจิทัลวอลเล็ต หน่วยงานต่างๆก็คงต้องหารือกับรัฐบาลอีกครั้งว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างไร เนื่องจากเงื่อนไขของโครงการเดิมคือ แหล่งเงินที่จะใช้ ทั้งงบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 ที่มีช่วงเวลาของการใช้จ่าย และงบ ประมาณปี 2568 ที่เตรียมจะออกมาใช้ด้วย ก็ต้องมาดูว่ามีผลกระทบอย่างไร.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ