ปี 2571 รายได้รวม หรือ Portfolio Revenue ของ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC คาดว่าจะทะลุ 1.5 แสนล้านบาท
นี่คือ เป้าหมายสูงสุด ระยะกลาง ของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ตัวท็อปของเมืองไทย ที่ “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ลูกเขยคนเก่งของอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี กล่าวไว้กับสื่อมวลชน ณ 8 ก.พ. 2567
หลังการเมืองไทยระส่ำ เก้าอี้นายกฯ ว่างลงอีกครั้ง โดยมีคนในตระกูลชินวัตร อย่าง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 31 ของเมืองไทย ทำให้ ชื่อของ SC ถูกค้นหาอีกครั้ง ในฐานะหุ้นใหญ่สุดของนายกฯ ผู้หญิงคนใหม่ของไทย ผ่านการถือสัดส่วน 28.43% มูลค่า 2,894 ล้านบาท ตามมาด้วย “พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์” และ “บรรณพจน์ ดามาพงศ์” ตามลำดับ รวมมูลค่าการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ ว่าที่นายกฯ มากกว่า 7.4 พันล้านบาท โดยเช้าวันนี้หุ้น SC บวก 3.25%
โอกาสนี้ Thairath Money ชวนคนอ่าน ทำความรู้จัก SC Asset อสังหาฯ ตัวท็อป ราชาบ้านหรู ที่ทำธุรกิจอสังหาฯ มานานถึง 3 ทศวรรษให้มากยิ่งขึ้น
โดย SC Asset ก่อตั้งเมื่อปี 2532 เดิมทีชื่อ บริษัท เอฟ เอฟ พี จำกัด ก่อนเปลี่ยนเป็น โอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ ถูกครอบครองด้วยตระกูลชินวัตร ขณะในปี 2546 ถูกเปลี่ยนมาเป็น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จนถึงปัจจุบัน
ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2567 บมจ.เอสซี มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 68,269 ล้านบาท โดยผลดำเนินงานครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 8,856 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 713 ล้านบาท และหากจะกล่าวว่า ตลาดบ้านหรู ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในเมืองไทย จากดีมานด์ร้อนแรงของคนรวย เหล่าเศรษฐีใหม่ กลายเป็นโอกาสสำคัญ ของ SC ก็ว่าด้วย
โดยในแต่ละปี SC มักครองแชมป์ เป็นเจ้าตลาดบ้านหรู ในระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งสอดคล้องกับพอร์ตสินค้าหลัก ที่เน้นกลยุทธ์ ขายบ้าน ในราคามากกว่า 20 ล้านบาท แบรนด์ขึ้นชื่อคุ้นหู แค่ได้ยินก็สัมผัสถึงความอลังการ เช่น
แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ หากแต่เป็นการเปิดโครงการ ระดับ Flagship ราคา 100 ล้านบาท “95E1 Ultra Luxury Residence” บ้านเดี่ยวโครงการแรก ระดับ Rare item ที่ยากจะหามาถือครองได้ในปัจจุบัน ด้วยจำนวนจำกัดสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 10 หลัง บนทำเลในซอยโยธินพัฒนา 3 เมื่อเร็วๆ นี้
สำหรับในปี 2567 นี้ อาณาจักร SC จะมีโครงการเพื่อขายรวมทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่ารวม 91,000 ล้านบาท ผ่านการเปิดใหม่ รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาทแบ่งเป็น
SC เติบโตด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย เพื่อบริหารความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ด้วยวิสัยทัศน์ของ CEO “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” แม้จะอยู่ในจุดที่ไม่เสี่ยงมาก เท่ารายเล็ก รายกลาง ในตลาดอสังหาฯ ณ เวลานี้
โดยแผนธุรกิจ ถูกวางโรดแม็ปไว้ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ด้วยเป้าหมายรายได้ 5 ปี (ปี 2567-2571) ทะยานสู่ 1.5 แสนล้านบาท ผ่านแผนกระจายการลงทุน เพื่อสร้างส่วนผสมของรายได้ และกำไรที่เติบโตจากธุรกิจหลากหลาย มากถึง 103 โครงการ ผ่านมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 25,000 ล้านบาท
นอกจากกุญแจดอกที่ 1 การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายแล้ว ในปีนี้ SC ยังมีแผนลงทุนใหม่ ในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ 4 ธุรกิจ
ทั้งนี้ ผู้บริหาร SC เชื่อว่า จากกลยุทธ์บนความหลากหลายทั้งหมด จะช่วยปูทาง ทิศทางธุรกิจ ในระยะ 5 ปี (2567-2571) ก่อเกิดรายได้มหาศาลมากกว่า 150,000 ล้านบาท บนความคาดหมายว่า ปีนี้ SC จะสามารถสร้างยอดขายนิวไฮ ที่ระดับ 28,000 ล้านบาทได้ ท่ามกลางความอ่อนแอของอุตสาหกรรมอสังหาฯ ได้ และการเมืองร้อนๆ ก็อาจทำให้ SC เติบโตขึ้นไปอีกหรือไม่ ต้องติดตาม...
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney