นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยต้องขอแสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ได้นายกรัฐมนตรี อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากนี้เป็นขั้นตอนของการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งหลังจากจบกระบวนการตามกฎหมายแล้วเสร็จ จะเป็นส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่นางสาวแพทองธารได้รับเสียงโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ภาคเอกชนมองว่าจะได้ความสดใหม่ โดยในยุคนี้การมีนายกรัฐมนตรีที่อายุยังน้อย เป็นที่ยอมรับของทั่วโลกมากขึ้น คงไม่ใช่ปัญหาในการเข้ามาบริหารประเทศ สำคัญอยู่ที่ว่าคนรอบข้างที่อยู่ข้างนายกฯมากกว่า เชื่อว่าทีมที่ปรึกษามีความแข็งแรง และเท่าที่ดูไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมือง เศรษฐกิจ มีทีมที่ค่อนข้างพร้อม
“การที่ได้นายกฯเร็วถือเป็นประโยชน์กับภาพลักษณ์ของประเทศ ด้านสุญญากาศที่กังวลถือว่าเบาลง ส่วนที่เหลือก็คือการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาก เพราะพรรคร่วมก็ยังเหมือนเดิม กระบวนการหลังจากนี้น่าจะมีความรวดเร็ว ยิ่งเร็วก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะนโยบายต่างๆ และตัวรัฐมนตรีก็อยู่ครบน่าจะมีการประกาศนโยบายใหญ่ๆให้ประชาชนรับทราบ”
การที่ได้นายกฯที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ถือเป็นสีสัน เชื่อว่า ทำงานได้ เพราะมีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่อยู่ในฐานการเมืองอยู่แล้ว และการศึกษาก็ถือว่าดีมาก หลายๆ คนอาจจะพูดถึงอายุ ก็ต้องยอมรับว่า คนรุ่นใหม่ เข้ามามีบทบาทเรื่องการเมือง รวมถึงธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยมากขึ้น ถือเป็นการผลัดใบรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ อาจจะได้เห็นเรื่องใหม่ๆ คนรุ่นใหม่ๆออกมาทำงานให้ประเทศชาติบ้าง Soft Power ก็จะถือเป็นภาพของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นาทีนี้ใครก็ได้ขอให้มีเสถียรภาพ การเมืองนิ่งๆเพราะเราเจอปัญหาภายนอกเยอะมากอยู่แล้ว
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะล้มหรือไม่ ไม่อยากให้กังวลถึงขั้นนั้น เพราะอาจจะมีทั้งสองทาง คือ ไปต่อ หรือไม่ไปต่อ ในกรณีที่ไปต่อก็คงเหมือนเดิม แต่หากไม่ไปต่อก็น่าจะมีมาตรการอื่นๆ เช่น มาตรการการเงิน การคลังมีเครื่องมืออีกหลายตัวที่ทำได้ อาจจะไม่ใช้ชื่อดิจิทัลวอลเล็ตที่จะมาส่งเสริมให้เศรษฐกิจหมุนเวียนขึ้น
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในประเด็นเดียวกันว่า หลังจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว ต้องการให้การจัดตั้งรัฐบาลเสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เพราะมีนักลงทุนต่างชาติสอบถามเข้ามาที่ ส.อ.ท.เป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ก็ยังมีความต้องการลงทุนอยู่ เพียงแต่ต้องการความต่อเนื่องของนโยบายการลงทุน
ในมุมมองของภาคเอกชน ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่นางสาวแพทองธารได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็น 1 ในรายชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย โดยเชื่อว่าน่าจะสามารถทำงานประสานร่วมกับทุกภาคส่วนได้ ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ส.อ.ท.ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นนโยบายที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลชุดเดิม นอกจากแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งขณะนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับนโยบายดังกล่าว
“หากเป็นไปได้ก็ต้องการให้แบ่งงบประมาณออกเป็นหลายๆก้อน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลากหลาย และครอบคลุมในทุกมิติและต้องมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆมาเสริมนอกจากการแจกเงินดิจิทัล เพราะปัญหาหลักของไทยเวลานี้คือปากท้องของประชาชน และความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอี นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ ส.อ.ท.ก็ต้องการให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ไม่เป็นภาระกับภาคเอกชนมากจนไป และไม่ว่าจะดำเนินนโยบายใดๆ หากเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และเสี่ยงต่อข้อกฎหมาย ก็ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาให้รอบคอบ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยมักจะประสบปัญหามาจากเรื่องของกฎหมาย”
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่