วันที่ 1 ส.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นวันเริ่มต้นการลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งเป็นซุปเปอร์แอปของราชการที่มีบริการหลากหลาย
การลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” เป็นเพียงจุดเริ่มของโครงการ ด้วยเหตุผลรัฐบาล ต้องการรู้ข้อมูลจำนวนประชาชนที่มีสิทธิ์รับเงิน 10,000 บาท เพื่อจะได้วางแผนบริหารจัดการงบประมาณที่จะนำมาใช้ ถึงแม้จะกำหนดวงเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้แล้วก็ตาม แต่เป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องการข้อมูลจำนวนคนที่ชัดเจน
ข้อมูลประชาชนที่ลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” จะเป็นฐานข้อมูลสำคัญของรัฐบาล ที่จะนำไปต่อยอดวางแผนบริหารงาน ซึ่งประชาชนได้ให้ความยินยอมให้ราชการเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อมต่อกับหน่วยงานราชการอื่นๆ
เช่น บัญชีเงินฝากทุกบัญชีธนาคาร, รายได้ตามปีภาษี 2566 ไม่เกิน 840,000 บาท หรือมีรายได้ไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน ข้อมูลทะเบียนราษฎร เป็นต้น
และการลงทะเบียนครั้งนี้ รัฐบาลออกมายืดอกการันตีข้อมูลประชาชนไม่รั่วไหล เพราะมีระบบความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เรื่องที่ข้อมูลรั่วไหลนั้น ต้องรอลุ้นกันในอนาคต ว่าจะมีข้อมูลรั่วไปถึงมือคอลเซ็นเตอร์หรือไม่!!!
สำหรับการแบ่งกลุ่มการลงทะเบียนแบบมีสมาร์ทโฟน และไม่มีสมาร์ทโฟน จะทำให้รัฐบาลรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ปัจจุบันมีประชาชนใช้สมาร์ทโฟนเท่าใด เพื่อนำไปสู่นโยบายรัฐบาลดิจิทัลและสังคมไร้เงินสด
ลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “แอปทางรัฐ” ถึงแม้ว่าจะเปิดให้บริการมานานแล้ว แต่ไม่ดังเปรี้ยงปร้างเท่ากับครั้งนี้
เพราะประชาชนสนใจดาวน์โหลดแอปทางรัฐ และลงทะเบียนชั่วโมงละ 200,000 ราย
ส่งผลให้วันแรกยอดลงทะเบียนทะลุ 18.2 ล้านคน ดังนั้นประชาชนที่มีสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 15 ก.ย.67
ส่วนประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน เป็นกลุ่มเปราะบาง สามารถนำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนได้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.-15 ต.ค.67 ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาการลงทะเบียนในวันนี้ กว่า 5,000 แห่ง ทั้งสาขาของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ทำการไปรษณีย์ไทย, ศูนย์ดิจิทัลชุมชน
เมื่อลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์ตามขั้นตอนทุกอย่าง ต้องรอผล ว่าจะได้รับสิทธิ์เงินดิจิทัล 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.67 เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนร่วมโครงการ 45 ล้านคน ใช้เงินงบประมาณ 450,000 ล้านบาท
ประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านแล้ว และมีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องนับวันรอใช้เงิน 10,000 บาท ไปจนถึงกลางเดือน ธ.ค.67 มีระยะเวลาการใช้เงิน 6 เดือน นับตั้งแต่วันใช้จ่ายครั้งแรก
การใช้จ่ายนั้น ต้องใช้ในรัศมีอำเภอ และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น โดยประชาชนนำเงินดิจิทัลไปซื้อสินค้าในร้านค้าที่ 1 และร้านที่ 1 รับเงินดิจิทัล ต้องนำเงินที่ได้รับไปซื้อสินค้าร้านค้าที่ 2 จึงจะนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารได้ โดยร้านค้าที่จะนำไปขึ้นเงินกับธนาคารนั้นจะต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น
ส่วนวันใช้จ่ายที่ชัดเจนนั้น ต้องรอให้รัฐบาลตีปี๊บ เคาะวันประกาศอย่างเป็นทางการ เพราะ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่โหมโรงปราศรัยหาเสียงมาตลอด และนับตั้งแต่เป็นรัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ก็เดินหน้าจะแจกเงินหมื่นมาเป็นระยะๆตลอด 1 ปี
ขณะที่ประชาชนตั้งตารอวันได้เงินหมื่นบาทมาตลอด เพื่อนำเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่าย แบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ในยุคข้าวยากหมากแพง รอตั้งแต่ต้นปลายปี 66 ลากยาวปี 67 ก็ยังต้องรอต่อไป.....
เพราะประชาชนจะได้ใช้เงินจริงๆน่าจะราวกลางเดือน ธ.ค.67 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุด และหากใช้ไม่ครบวงเงิน 10,000 บาท สามารถนำไปใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้อีกครั้ง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
โดยรัฐบาลคาดหวังว่าการใช้จ่ายจากเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต” จะเกิดพายุหมุนในระบบเศรษฐกิจ 4 รอบ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 68 ได้ราว 1.2-1.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพื่อให้จีดีพีปี 68 โดยรวมโต 3-4%.
ดวงพร อุดมทิพย์
คลิกอ่านคอลัมน์ "THE ISSUES" เพิ่มเติม