นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย.นี้ กองทุนฯจะครบกำหนดเวลาทยอยจ่ายคืนเงินต้นให้สถาบันการเงิน ที่กองทุนฯไปกู้ยืมมาเพื่อนำมารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศก้อนแรก 1,000 ล้านบาท และดอกเบี้ยอีก 150-200 ล้านบาท จากวงเงินกู้รวม 105,333 ล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันการชำระหนี้ของ สกนช. พ.ศ.2565 ซึ่งเมื่อหักลบรายรับกับรายจ่ายแต่ละเดือนแล้ว ยืนยันว่ากองทุนฯยังมีเงินเพียงพอชำระคืนหนี้เงินต้นก้อนแรกตามกำหนดอย่างแน่นอน
“ปัจจุบันกองทุนฯยังต้องชดเชยราคาน้ำมันดีเซลให้กับประชาชน 40 สตางค์ต่อลิตร คิดเป็นรายจ่ายวันละ 26.73 ล้านบาท หรือเดือนละ 829 ล้านบาท เพื่อตรึงราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาท/ลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ แต่อัตราการชดเชยต้องไม่เกิน 2 บาท/ลิตร ตามมติคณะรัฐมนตรี ขณะที่มีรายรับวันละ 88.15 ล้านบาท หรือเดือนละ 2,733 ล้านบาท คิดเป็นเงินคงเหลือเดือนละ 1,900 ล้านบาท”
ทั้งนี้ แม้ผลจากการชดเชยราคาน้ำมันที่ผ่านมา ทำให้ฐานะกองทุนฯ ณ วันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ติดลบ 111,663 ล้านบาท แต่กระแสเงินที่ไหลเข้าออก ยังเพียงพอที่จะชำระหนี้เงินต้นคืนสถาบันการเงินได้ตามกำหนดในเดือน พ.ย.นี้ และหากสิ้นสุดกำหนดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล วันที่ 31 ต.ค.นี้ กองทุนฯ ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกช่วงปลายปีที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ นายวิศักดิ์จะหมดวาระในต่ำแหน่งดังกล่าวในเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้ โดยผู้อำนวยการ สกนช.คนใหม่จะต้องผ่านกระบวนการสรรหาต่อไป.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่