กระทรวงการคลัง ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 ปรับเพิ่มประมาณการ GDP เป็น 2.7% จากประมาณการครั้งก่อนที่ 2.4% ในเดือน เม.ย 2567 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสเติบโตตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 3%
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตตามเป้าของรัฐบาลได้ จากการอัดฉีดเงินเข้าระบบ ผ่านมาตรการทางคลัง เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงินรวม 1 แสนล้านบาทของธนาคารออมสิน ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการลงนามบันทึกข้อตกลง กับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ 16 แห่ง โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลในช่วงไตรมาส 3-4 นี้ เสริมด้วยการเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการอสังหาฯ ที่จะทยอยออกมา
สำหรับสาเหตุการปรับเพิ่มประมาณเศรษฐกิจไทยปี 2567 เนื่องจากได้รับแรงหนุนจาก 3 ปัจจัย ได้แก่
1. มูลค่าการส่งออกสินค้า มีสัญญาณขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ 2.3% ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญ ที่คาดว่าปรับดีขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การนำเข้าเพิ่ม โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา จีน และยูโรโซน พร้อมปรับเพิ่มประมาณการ GDP ประเทศคู่ค้า 15 ประเทศหลัก เป็น 3.2%
2. จำนวนและรายได้ต่อหัวจากนักท่องเที่ยวปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปรับเพิ่มประมาณนักท่องเที่ยวเป็น 36 ล้าน จากประมาณการครั้งก่อนที่ 35.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 27.9% จากปีก่อน คาดว่ารายจ่ายต่อหัวนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 47,000 บาท/คน/ทริป เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่อยู่ที่ 44,600 บาท/คน/ทริป ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) เพิ่มเป็น 93 ประเทศ/ดินแดน ระยะเวลาพำนักไม่เกิน 60 วัน ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง
3. การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัว 4.5% ต่อปี จากประมาณการครั้งก่อนที่ 3.5% ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้เกษตรกรที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 8% และภาษีมูลค่าเพิ่มที่แท้จริง (Real VAT) ซึ่งสะท้อนการใช้จ่ายของประชาชน ผ่านความถี่ของธุรกรรมการซื้อขาย ที่ปรับเพิ่มขึ้น 3.6%
ด้านเสถียรภาพภายในประเทศอยู่ในระดับมั่นคง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.6% ต่อปี ตามการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าอาหารบางกลุ่ม อีกทั้งราคาสินค้าในหมวดพลังงาน ที่ลดลงจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะเกินดุล ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะเกินดุล 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 2.4 ของ GDP
อย่างไรก็ตาม ผลประมาณการนี้ไม่ได้นับรวมผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ประเมินเบื้องต้น ณ วันที่ 10 เมษายน 2567 ว่าหากพิจารณาเฉพาะโครงการฯ จะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณ 1.2-1.8% ตลอดทั้งโครงการฯ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของเงิน เงื่อนไขโครงการฯ จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการฯ และพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้รับสิทธิเป็นสำคัญ
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่